KEY TAKEAWAYS
- Bill Gross ผู้ก่อตั้ง Idealab และทำธุรกิจมาหลายสิบปีได้มองหาปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และสรุปออกมาได้ว่า 5 ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ได้แก่ จังหวะเวลา ทีม ไอเดีย โมเดลธุรกิจ และเงินทุน
- สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จังหวะเวลา
- AirBnB ประสบความสำเร็จเพราะเปิดตัวในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 คนต้องการหารายได้เสริม จึงเปิดบ้านให้คนเช่า
- Z.com สื่อบันเทิงออนไลน์ เปิดตัวในช่วงที่สัญญาณบรอดแบรนด์แย่มาก มันยากเกินไปที่จะดูวิดีโอออนไลน์ เพราะต้องใส่ codecs ในบราวเซอร์แล้วก็ตั้งค่าอีกหลายอย่าง จึงไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้น 2 ปี codecs ได้รับการแก้ไข สัญญาณกระจายครอบคลุม จังหวะนั้นเอง Youtube ก็มาและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
บิล กรอสส์ (Bill Gross) เป็นนักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Idealab ที่ลงทุนในสตาร์ทอัพมามากกว่า 100 บริษัท Gross เริ่มทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 12 เขาเริ่มด้วยการขายลูกอมที่ป้ายรถเมล์ พอขึ้นม.ปลายก็เริ่มทำอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ มหาลัยขยับไปผลิตลำโพง พอเรียนจบก็เริ่มทำบริษัทซอฟต์แวร์จนกระทั่งในปี 1996 ก็ได้เริ่มก่อตั้ง Idealab ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนในสตาร์ทอัพต่างๆ มากมาย
และแน่นอนว่าในบรรดาบริษัทมากมายกว่า 100 บริษัท ที่ Bill Gross เข้าไปเกี่ยวข้องต้องมีทั้งที่ล้มเหลวและประสบความสำเร็จคละเคล้ากันไป แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ.. แล้วปัจจัยอะไรกันล่ะ ที่ทำให้บริษัทเหล่านั้นประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
Bill Gorss ได้แบ่งปันบทเรียนที่เขาได้เรียนรู้มาผ่านเวที TED Talk ในปี 2015 เพื่อให้ผู้ประกอบการรุ่นถัดไปสามารถที่จะใช้เป็นคู่มือในการทำธุรกิจไว้ได้อย่างน่าสนใจ
5 ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและสิ่งไหนสำคัญมากกว่ากัน
จากประสบการณ์หลายสิบปี Gross สรุปปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ 5 ข้อ คือ ไอเดีย (Idea), ทีม (Team), โมเดลธุรกิจ (Business Model), เงินทุน (Funding) และ จังหวะเวลา (Timing) แน่นอนว่าทุกปัจจัยล้วนสำคัญต่อการทำธุรกิจ แต่คำถามต่อมาคือปัจจัยไหนสำคัญที่สุด
Timing > Team > Idea > Business Model > Funding
Bill เคยคิดว่าไอเดียสำคัญที่สุด ถ้าไอเดียที่ดีก็อาจจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตั้งชื่อบริษัทว่า Idealab แต่ต่อมาเขาก็คิดใหม่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทีมหรือเปล่า กับวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การปรับตัวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
แต่ทั้งสองสิ่งยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด หลังจากนั้น Bill เริ่มคิดว่าโมเดลธุรกิจคือสิ่งสำคัญที่สุดเพราะ มันคือแผนการที่จะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และหลังจากนั้นเขาก็มองไปที่อีกปัจจัยคือเงินทุน เพราะเงินสามารถอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจได้
และสิ่งสุดท้ายคือจังหวะเวลา ซึ่งหมายถึงไอเดียธุรกิจนั้นมาเร็วเกินไปหรือเปล่า โลกนี้ยังไม่พร้อมสำหรับมันหรือเปล่า คุณเห็นโอกาสล่วงหน้าเร็วกว่าคนอื่นมั้ย หรือคุณช้าไปจนมีบริษัทคู่แข่งมากมายเกินไปหรือไม่
Bill ได้รวบรวมข้อมูลบริษัทจากทั้งใน Idealab กว่า 100 บริษัท และบริษัทข้างนอกอีก 100 บริษัท เพื่อให้ได้คำตอบเชิงสถิติที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
และคำตอบที่ Bill ได้ คือ “จังหวะเวลา”
จังหวะเวลามีผลต่างของกลุ่มที่สำเร็จและกลุ่มที่ล้มเหลวมากถึง 42% รองลงมาคือ ทีม 32%, ไอเดีย 28% โมเดลธุรกิจ 24% และเงินทุน 14%
แต่ Bill เองก็ไม่ได้ชี้ขาดว่าทุกธุรกิจมันควรจะเป็นไปตามสถิติที่เขากล่าวอ้าง แต่อย่างไรก็ตาม เราลองมาดูกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับจังหวะเวลา เพื่อพิจารณาดูว่าสิ่งที่ Bill กล่าวนั้นจริงหรือไม่
5 กรณีศึกษาที่สนับสนุนว่า ‘จังหวะเวลา’ สำคัญจริงๆ
AirBnB
ตัวอย่างแรกของอบริษัทที่ Bill กล่าวถึง คือ Airbnb ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจองห้องพักออนไลน์ที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 ก่อนหน้านั้นไม่มีใครคิดจะเปิดบ้านให้คนแปลกหน้าเข้ามาเช่าอยู่หรอก แต่ปี 2008 เป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกขึ้นอย่างที่เราทราบกันดี ดังนั้นผู้คนจึงต้องการรายได้พิเศษ การเปิดบ้านให้คนแปลกหน้าเช่าอยู่จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นแพลตฟอร์มก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
Z.com
อีกตัวอย่างที่ Bill ยกขึ้นมาก็คือ Z.com บริษัทสื่อบันเทิงออนไลน์ในเครือ Idealab ทางผู้ก่อตั้งมีโมเดลธุรกิจที่เยี่ยมยอด มีเงินทุนมากพอ รวมถึงสามารถหาคนเก่งๆ จากฮอลลีวูดมาทำงานด้วย แต่สัญญาณบรอดแบรนด์ในช่วงปี 1999 – 2000 นั้นยังแย่มาก มันยากเกินไปที่จะดูวิดีโอออนไลน์ เพราะต้องใส่ codecs ในบราวเซอร์แล้วก็ตั้งค่าอีกหลายอย่าง ดังนั้นมันจึงไม่ประสบความสำเร็จและบริษัทจึงปิดตัวลงในปี 2003
หลังจากนั้น 2 ปี codecs ได้รับการแก้ไขโดย Adobe Flash และการกระจายสัญญาณบรอดแบรนด์ครอบคลุม 50% ของประเทศสหรัฐอเมริกา จังหวะนั้นเอง Youtube ออกมาได้จังหวะเหมาะเจาะ ไอเดียดี จังหวะเป๊ะ ในขณะที่ยังไม่มีโมเดลธุรกิจซะด้วยซ้ำ แต่อย่างที่เรารู้ดี มันประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน
WebVan
Webvan เป็นบริการส่งของชำถึงบ้านภายใน 30 นาที มันดูเป็นความคิดที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วนี่นา แต่ความจริงคือมันเปิดตัวเมื่อปี 1996 และนั่นหมายถึงในยุคสมัยนั้นมันยังเข้าถึงลูกค้าได้ไม่มาก จนกระทั่งมันต้องล้มละลายในปี 2001
มองกลับมาที่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลากว่า 20 ปีหลังจาก Webvan ถือกำเนิด บริการส่งของถึงบ้านอย่าง Lineman, Grab, Food Panda ฯลฯ กลายเป็นกระแสหลักในปัจจุบัน เพราะแอพเหล่านี้เกิดในเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเรื่องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ บริการนำทางที่ทำให้ไปถึงที่หมายอย่างมีคุณภาพ รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
Match.com
นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เกิดไม่ถูกเวลา มันเป็นเว็บไซต์หาคู่เดตออนไลน์ เกิดขึ้นเมื่อปี 1995 ซึ่งในช่วงนั้นกลุ่มคนที่ต้องการหาคู่เดตออนไลน์เป็นกลุ่มน้อยมาก ดังนั้นมันจึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก
ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน แอพพลิเคชันหาคู่เดตออนไลน์ถือเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมาก หนุ่มสาวคนโสดรู้จัก Tinder เป็นอย่างดี คนไม่โสดก็ยังรู้จักเลย และ Match Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Tinder ก็มีมูลค่าตลาดถึง 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์
Avatar
ลองมาดูฝั่งธุรกิจอื่นกันบ้างอย่างวงการภาพยนตร์ กับหนังที่เคยทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอย่าง Avatar ซึ่งออกฉายไปเมื่อปี 2009 แต่อันที่จริงผู้กำกับอย่างเจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ได้ไอเดียและเขียนบทเรื่องเสร็จตั้งแต่ในช่วงปี 90s แล้ว แต่เขาจินตนาการฉากของอวตารไว้ดีมากเกินกว่าที่เทคโนโลยีในยุคสมัยนั้นจะสร้างมันออกมาได้
ดังนั้นเขาจึงพับเก็บโปรเจกต์ Avatar ไว้และไปกำกับหนังเรื่องอื่นก่อน จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเขาจึงรื้อโปรเจกต์ Avatar ออกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง และอย่างที่เราทราบความสำเร็จของมันดี ทั้งนี้หาก James ไม่ยอมรอจังหวะเวลาและฝืนสร้าง Avatar ออกมาตั้งแต่ในยุค 90s มันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างนี้ก็ได้
ทั้งสถิติจาก Bill ทั้งจากตัวอย่างของความสำเร็จหลายๆ ตัวอย่าง น่าจะช่วยยืนยันได้ว่าจังหวะเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญ มันอาจจะไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ‘เวลาสำคัญจริงๆ’