Peter Schiff เป็นซีอีโอและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ระดับโลกของบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน Euro Pacific Asset Management โด่งดังจากการเป็นหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ไม่กี่คนที่ทำนายวิกฤติการเงินปี 2008 (วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์) ได้ล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม Peter Schiff แสดงออกถึงความเกลียด Bitcoin ออกมาบ่อยครั้งตั้งแต่ปี 2013 รวมถึงเรียก Bitcoin ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme)
แล้วทำไมเขาถึงได้จงเกลียดจงชัง Bitcoin ขนาดนั้น เรามาค่อย ๆ ดูไปพร้อม ๆ กัน
ประวัติและการศึกษา
Peter Schiff เกิดในปี 1963 ในรัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา เป็นลูกชายของ Irwin Schiff ผู้เคลื่อนไหวต่อต้านภาษีของสหรัฐ และเสียชีวิตในระหว่างรับโทษจำคุก 13 ปี ในข้อหาหนีภาษี แม้ Peter Schiff จะไม่ถึงขนาดพ่อของเขา แต่เขาก็รู้สึกว่าความเชื่อของพ่อเขาน่าสนใจ แม้การกระทำจะไม่ถูกต้อง การต่อต้านแนวคิดด้านเสรีนิยมของพ่อเขามีอิทธิพลต่อมุมมองทางเศรษฐกิจและการเงินของ Peter Schiff
Schiff จบการศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิตในด้านการเงินและการบัญชีจากมหาวิทยาลัย University of California ในปี 1987 และเริ่มอาชีพในฐานะนายหน้าค้าหุ้น (stockbroker) ที่ Shearson Lehman Brothers
Schiff และคู่หูของเขาเข้าซื้อบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในปี 1996 และเปลี่ยนชื่อเป็น Euro Pacific Capital บริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และได้ขยายสาขาไปยังรัฐฟลอริดา แคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์ก และได้เปลี่ยนชื่อเป็น Euro Pacific Asset Management ในภายหลัง
นอกจากนี้ Schiff ยังรับตำแหน่งประธานของ SchiffGold ซึ่งเป็นดีลเลอร์โลหะมีค่ามีอีกด้วย
โด่งดังจากวิกฤติการเงินปี 2008
Schiff เริ่มมีชื่อเสียงจากการแสดงความเห็นที่ตรงไปตรงมาและมักจะตรงข้ามกับคนอื่น โดยในระหว่างปี 2004-2006 Schiff ได้ทำนายเหตุการณ์สำคัญหลายครั้งได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ เหตุการณ์ที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศร่วงลงอย่างรุนแรง การล่มสลายของตลาดจำนองและภาคธนาคาร การล้มละลายและการที่ภาครัฐเข้ามาอุ้มบริษัท Fannie Mae กับ Freddie Mac ซึ่งเป็นสองบริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์
แต่ที่ทำให้ Schiff โด่งดังขึ้นมาคือการทำนายวิกฤติการเงินในปี 2008
Schiff เริ่มเตือนถึงวิกฤติดังกล่าวในปี 2006 ว่า “สหรัฐเป็นเหมือนเรือไททานิค และผมอยู่บนเรือชูชีพเพื่อพยายามจะช่วยให้ผู้คนสละเรือ ผมเห็นว่ากำลังจะเกิดวิกฤติการเงินที่แท้จริงกับสหรัฐ”
Schiff เตือนว่า สหรัฐมีอุปสรรคจากหนี้และการบริโภคมากไป และมีการผลิตกับการออมไม่เพียงพอ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไม่กี่เดือนต่อมา Schiff ทำนายว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงจะดิ่งลง และดัชนีดาวโจนส์จะร่วงต่ำกว่า 10,000 จุด ซึ่งต่อมาก็เป็นไปตามที่เขาทำนาย
ขณะที่ในปี 2007 Schiff ได้เขียนไว้ในหนังสือ Crash Proof ของเขาว่า นโยบายเศรษกิจของสหรัฐไม่มั่นคงทางการเงิน
ด้วยการพูดในเชิงลบและสวนทางกับความเห็นส่วนใหญ่ของคนอื่น ทำให้ Schiff มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ แต่เมื่อพิสูจน์แล้วว่าเขาทำนายถูก หลายฝ่ายก็หันมาขอคำแนะนำการลงทุนและการใช้ชีวิตจากเขาในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก
จุดเริ่มต้นการวิจารณ์ Bitcoin
Schiff เริ่มวิจารณ์ Bitcoin ตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเป็นช่วงที่ Bitcoin เริ่มได้รับการยอมรับจากภาคการเงิน
ในปีนั้น Tyler กับ Cameron Winkelvoss บอกว่า Bitcoin เหมือนกับ “ทองคำ 2.0” และหลายฝ่ายมองว่าดีกว่าทองคำเสียด้วยซ้ำ แต่ Schiff ตอบโต้ด้วยการเปรียบ Bitcoin เป็น Tulip Mania 2.0 ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเขาเป็นผู้บริหารจัดการ SchiffGold ซึ่งเป็นดีลเลอร์โลหะมีค่า
Schiff แสดงจุดยืนอยู่ตรงข้าม Bitcoin และสนับสนุนทองคำมาโดยตลอด และยังแนะนำให้นักลงทุนเลิกซื้อคริปโตเพื่อมาซื้อทองคำแทนด้วย นอกจากนี้ Schiff ยังได้เปรียบเทียบ Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะความสำเร็จในการลงทุน Bitcoin จะขึ้นอยู่กับมีคนใหม่ฝากเงินเข้าไปหรือเปล่า
นอกจากนี้ Schiff เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ Fox Business by Charles Payne เมื่อปี 2021 ว่า “Bitcoin คือทองคำของคนโง่ ใครก็ตามที่ซื้อ Bitcoin ก็คือคนโง่น่ะแหละ เพราะมันไม่มีทางกลายเป็นเงินได้ มันไม่เข้าคำจำกัดความของเงินเลยด้วยซ้ำ เงินต้องเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ต้องมีมูลค่าในตัวเอง ไม่ใช่มีไว้เพื่อแลกเปลี่ยนเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม Spenser Schiff ลูกชายของเขา ดันลงทุน 100% ใน Bitcoin เสียอย่างนั้น
สร้างความปั่นป่วนเมื่อออกมาทวีตว่า “My wallet forgot my password”
ที่จริงแล้ว Schiff ก็มี Bitcoin ไว้ในครอบครองเหมือนกัน เพียงแต่อาจจะทำอะไรไม่ได้แล้ว…
โดยในวันที่ 19 มกราคม 2020 Schiff ได้ทวีตว่า ตัวเขาไม่สามารถเข้าถึงวอลเล็ท Bitcoin ของตัวเองได้ และรหัสผ่านของเขาก็ใช้งานไม่ได้ พร้อมเสริมว่า Bitcoin ไร้ค่าอย่างแท้จริง และไม่มีมูลค่าทางตลาดด้วย
“ผมรู้อยู่แล้วว่าการถือ Bitcoin เป็นความคิดที่แย่ ผมแค่ไม่รู้ว่ามันจะแย่ขนาดนี้”
หลังทวีตดังกล่าวออกไปก็มีหลายคนต่างเสนอความช่วยเหลือให้ เช่น Anthony Pompliano ผู้ร่วมก่อตั้งและพันธมิตรของ Morgan Creek Digital ได้สอบถาม Schiff ว่าเขาลืมรหัสหรือไม่ แต่ Schiff ดันตอบกลับมาว่า “My wallet forgot my password” หรือหมายถึงวอลเล็ทผมลืมรหัสของผม” !?
Pompliano ยังพยายามช่วยด้วยการบอกให้ Schiff อีเมลติดต่อเขาโดยตรง “ซอฟต์แวร์แค่ทำตามคำสั่งที่มนุษย์ป้อนเข้าไป มัน ‘ลืม’ อะไรไม่ได้ อีเมลหาผม แล้วผมจะพยายามช่วยกู้ Bitcoin ให้”
Schiff ตอบกลับว่า “Eric Voorhees เป็นคนตั้งค่าวอลเล็ทให้ผม และแม้แต่เขาก็คิดว่าผมทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่คุณจะลองก็ได้ตามสบายเลย”
เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เพียงแต่ในวันที่ 22 มกราคม 2020 Schiff ก็ได้ออกมาทวีตเองว่า เขาเข้าใจว่า PIN คือรหัส และไม่เคยจด seed phrase ไว้เลย
“ปริศนา Bitcoin ของผมคลี่คลายแล้ว ผมเข้าใจว่า PIN คือรหัสผ่าน เมื่อบล็อกเชนอัปเดตแอป ผมก็หลุดจากระบบ และผมพยายามล็อกอินเข้าไปใหม่โดยใช้ PIN ซึ่งเป็น ‘รหัสผ่าน’ เดียวที่ผมรู้ และผมก็ไม่เคยจด seed phrase ของผมไว้เลย”
แน่นอนว่าทัวร์ลง!
Erik Voorhees ซีอีโอของ ShapeShift ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซี ผู้ซึ่งช่วย Schiff ติดตั้งวอลเล็ท Bitcoin ในปี 2018 ทวีตว่า “ผมเคยบอกให้เค้าเก็บวอลเล็ทให้ปลอดภัยหากเขาถือ Bitcoin ที่มีมูลค่ามาก แล้วก็ให้ Bitcoin มูลค่า 50 ดอลลาร์ เป็นของขวัญ แต่เขาลืมรหัส และไม่เคยจด seed phrase ไว้เลย”
Changpeng Zhao ซีอีโอของ Binance “ผมไม่อยากเชื่อว่าผมจะพูดแบบนี้ แต่บางที ถือเงินเฟียต (fiat) ไว้ดีกว่ามั้ย?”
ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งบอกว่า “Schiff ควรจะเป็นคนสุดท้ายที่จะสอนหรือเตือนคนอื่นเกี่ยวกับ Bitcoin นะ เพราะเขาไม่ใช่เวลาเรียนรู้เรื่องพื้นฐานที่สุดของ Bitcoin เลยด้วยซ้ำ”
ขณะที่ Schiff ก็ยังคงปกป้องตัวเองต่อไปด้วย “เรื่องพื้นฐานที่สุดของ Bitcoin คือ มันไม่ใช่เงิน มันไม่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะในฐานะตัวกลางแลกเปลี่ยนหรือเก็บมูลค่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมแสดงให้เห็นว่าเราเสีย Bitcoin ได้ง่ายขนาดไหน หากคุณสับสนเกี่ยวกับการทำงานของวอลเล็ท”
ทำไม Schiff จึงมองว่า Bitcoin แย่ขนาดนั้น
ในการพูดคุยใน Podcast School of Greatness กับ Lewis Howes EP 1208: Why Crypto Is A Losing Game with Economist Peter Schiff
Schiff กล่าวว่า “ความสำเร็จที่แท้จริงของ Bitcoin ขึ้นอยู่กับมีคนเข้าซื้อมากขึ้น แปลว่าถ้าคุณถือ Bitcoin อยู่ คุณก็ต้องทำให้เพื่อนคุณมาซื้อให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่ราคาจะขึ้น มันไม่ใช่สินทรัพย์เหมือนพวกอสังหาริมทรัพย์ที่เราเก็บค่าเช่าได้ หรือหุ้นที่เราเก็บปันผลได้ มันไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์ที่เอาไปใช้ทำอะไรได้เลย”
Schiff เล่าว่า เค้าเคยเจอคนที่ซื้อ ETH ไป 15,000 ดอลลาร์ และเมื่อเวลาผ่านไป ETH ที่เขาถือก็มีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ และมีคนจำนวนมากที่เชื่อว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดกับตัวเองได้ เชื่อว่าถ้าซื้อ Bitcoin ที่ราคาเหรียญละ 50,000 ดอลลาร์ มันจะกลายเป็น 2 ล้านดอลลาร์ แต่ Schiff บอกว่าเรื่องแบบนั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก มันมีแต่จะล่มสลายลงมากกว่า โดยเฉพาะตอนนี้ (ปี 2022) คนที่อยู่ในตลาดมาก่อนจะทำการปั่นราคา สร้างความน่าสนใจ เพื่อให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาด คนเก่าจะได้ขายออกไปได้
คำพูดที่ว่า Bitcoin จะเปลี่ยนโลก จะแก้ปัญหานู่นนี่นั่น มันไร้สาระ เพราะมันไม่ใช่เงินจริง ไม่มีอะไรรองรับ ไม่มีมูลค่าจริง มันไม่สามารถรักษามูลค่า (Store of Value) ได้เหมือนที่ทองคำเป็น
คนต้องการทองคำเพราะต้องการเอาไปใช้งานหรือแลกเปลี่ยน ทองคำมีคุณสมบัติพิเศษที่โลหะอื่น ๆ ไม่มี และทองคำมีอย่างจำกัดตามธรรมชาติ ส่วน Bitcoin มีจำกัด 21 ล้านเหรียญเพราะถูกโปรแกรมไว้แบบนั้น มันไม่มีมูลค่าจริง มันมีโทเค็นอื่น ๆ ที่ใช้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลได้เหมือนกัน หรือแม้แต่มีคุณสมบัติเหมือนกันเป๊ะ แค่มีชื่อต่างออกไป ดังนั้นมันไม่มีทางเป็นเหมือนทองคำ
ทองคำมีแต่จะมีมูลค่ามากขึ้นเพราะการนำไปใช้งาน ในฐานะเครื่องประดับ หรือความต้องการในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนผู้ที่ต้องการ Bitcoin มีแต่พวกที่ต้องการเก็งกำไร มันไม่มีการใช้งานจริง
แต่กลุ่มเชียร์ Bitcoin ก็พูดถูกอย่างหนึ่ง นั่นคือดอลลาร์จะเสียมูลค่า รัฐบาลจะมีหนี้มาก ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องพิมพ์เงินออกมาเพิ่ม และไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยไปตลอดเพื่อสู๋กับเงินเฟ้อ (ย้ำนะครับว่าคำพูดนี้ออกมาในปี 2022) ดังนั้นเราต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ Bitcoin ก็ไม่ใช่คำตอบอยู่ดี ควรหันไปซื้อทองหรือสินทรัพย์อื่นที่จับต้องได้มากกว่า
Schiff ไม่สนใจกลุ่มคนที่บอกว่า Bitcoin ดี เพราะได้กำไรจากมัน Schiff มองว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นพวกช่วยอะไรไม่ได้แล้ว และมักจะอายุไม่มาก ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง เป็นโชคดีที่คนกลุ่มนั้นมักจะอายุไม่มาก มีเงินให้เสียน้อย และมีเวลาอีกตลอดชีวิตที่จะหาเงินกลับมา ส่วนประสบการณ์ที่ได้รับก็จะมีมูลค่ามากในการลงทุนครั้งต่อ ๆ ไป
ถ้าจะให้สรุปสั้น ๆ ก็คือ ในมุมมองของ Schiff นั้น Bitcoin ไม่มีมูลค่าจริง ไม่ได้อ้างอิงกับสินทรัพย์ใด ๆ ไม่มีการใช้งานจริง เป็นเกมการเก็งกำไรที่คนถือ Bitcoin ต้องการให้มีคนอื่นเข้าไปรับช่วงต่อเพื่อตัวเองจะได้ขายทำกำไร เมื่อตลาด Bitcoin ล่มสลาย มูลค่ามันจะกลายเป็นศูนย์ในทันที
และนั่นคือมุมมองของ Peter Schiff นักด่า Bitcoin ในตำนาน
Reference: bitstamp, lewishowes, nasdaq, forbes, cointelegraph1, cointelegraph2