KEY TAKEAWAYS
- Art Toy คือ งานศิลปะที่ออกแบบมาให้เป็นของเล่นของสะสม แต่ละเซ็ทจะมีจำนวนตัวไม่เท่ากัน แต่มักไม่เกิน 12 ตัวต่อเซ็ท บ้างก็เรียก Designer Toy ปัจจุบันมักมาในรูปแบบของกล่องสุ่ม โดยจะมีตัว Secret ให้สุ่มหา
- Art Toy มักจะมีหลายรุ่น เช่น Vol.1, 2, 3 ซึ่งหากอยากเก็บให้ครบก็ต้องใช้เงินพอสมควร และยิ่งถ้าเข้ามาเก็บสะสมตอนที่หยุดผลิตไปแล้วล่ะก็ รับประกันได้เลยว่าราคามือ 2 พุ่งทะยานแน่นอน
- POP MART เป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์แนว Pop Culture ก่อตั้งโดย “หวาง หนิง” (Wang Ning) นักธุรกิจชาวจีน ก่อนจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจของตัวเอง เป็นการเน้นขายแค่ Art Toy อย่างเดียว
- ด้วยความเป็นสินค้าสะสมและผลิตมาในจำนวนจำกัด เมื่อเวลาผ่านไปราคาจึงมักจะสูงขึ้น ทำให้เกิดช่องให้เข้ามาเก็งกำไร แต่ทุกอย่างมาพร้อมความเสี่ยง เพราะไม่ใช่ Art Toy ทุกรุ่นจะมีราคาสูงขึ้นเสมอไป
กรณีศึกษา Art Toy จากของสะสมสู่การเก็งกำไรหลักแสน
Art Toy คือคำที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเพราะจากข่าวสะพานเหล็กก่อนหน้านี้ หรือล่าสุดจากข่าวที่ POP MART ร้านขาย Art Toy ชื่อดังจากจีนที่เพิ่งเปิดตัวสาขาแรกในไทยเมื่อวันที่ 20 กันยายน และเกิดปรากฏการณ์ที่คนรีบไปต่อแถวตั้งแต่เช้ามืดเป็นจำนวนมากเพื่อรอซื้อสินค้า
แล้ว Art Toy คืออะไร POP MART คือใคร ทำไมคนจึงต่อแถวแย่งซื้อกันมากขนาดนั้น
Art Toy ของสะสมที่เป็นอันตรายต่อกระเป๋าตังค์ผู้สะสม
Art Toy คือ งานศิลปะที่ออกแบบมาให้เป็นของเล่นของสะสม แต่ละเซ็ทจะมีจำนวนตัวไม่เท่ากัน แต่มักไม่เกิน 12 ตัวต่อเซ็ท บ้างก็เรียก Designer Toy ปัจจุบันมักมาในรูปแบบของกล่องสุ่ม โดยจะมีตัว Secret ให้สุ่มหา
Art Toy จะต่างกับของเล่นทั่วไป ตรงที่เน้นการสะสม ซื้อมาตั้งโชว์ เป็นการสร้างสินค้า original ของตัวเอง ไม่มีเนื้อเรื่องรองรับ ไม่ได้อ้างอิงจากหนังหรือการ์ตูนเรื่องใด รวมถึงมีราคาที่สูงกว่าของเล่นทั่วไปด้วย
การที่ Art Toy มีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย ไม่ได้ผลิตซ้ำเรื่อย ๆ แบบสินค้าตัวอื่น รวมถึงมีตัว Secret ที่หายาก มีการสร้าง Vol.1, 2, 3, … ทำให้ราคารุ่นที่เป็นที่นิยมปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และยิ่งตัว Secret บางรุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว อาจมีราคาพุ่งถึงหลักแสนได้เลย!!!
ข้อควรระวัง
Art Toy มักมาในรูปกล่องสุ่ม และจะมีตัว Secret ให้สุ่มหา ดังนั้นหากต้องการเก็บให้ครบต้องใช้เงินพอสมควร หรือบางทีหากใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการซื้อมาทั้งเซ็ท+ตัว Secret ไปเลย ราคาก็จะพุ่งไปอีกขั้น
Art Toy จะผลิตออกมาในจำนวนจำกัด เพิ่มทั้งมูลค่าในฐานะของสะสมและในฐานะสินค้าเก็งกำไร
Art Toy มักจะมีหลายรุ่น เช่น Vol.1, 2, 3 ซึ่งหากอยากเก็บให้ครบก็ต้องใช้เงินพอสมควร ถ้าเข้ามาเก็บสะสมตอนที่หยุดผลิตไปแล้วล่ะ? ก็รับประกันได้เลยว่าราคามือ 2 พุ่งทะยานแน่นอน
Art Toy มีสกิลเรียกพวก 1 ตัวไม่พอต้องครบเซ็ท ครบเซ็ทไม่พอต้องมีตัว Secret เซ็ทแรก+ตัว Secret ไม่พอต้องมีเซ็ท 2 3 4 5 …
เรียกพวกไม่พอ มีสกิลสร้างบ้านด้วย เพราะของสะสมก็ต้องเก็บรักษาอย่างดี และตั้งโชว์ให้คนอื่นได้เห็น ดังนั้นจะต้องซื้อฐานวาง เป็นชั้น มีกระจกครอบ หรืออาจถึงขั้นซื้อตู้โชว์มาตั้งโชว์เลยทีเดียว
แล้ว POP MART เกี่ยวข้องกับ Art Toy อย่างไร
POP MART เป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์แนว Pop Culture ก่อตั้งโดย “หวาง หนิง” (Wang Ning) นักธุรกิจชาวจีน เมื่อปี 2553 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากร้านแนวไลฟ์สไตล์ Log-On ในฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม POP MART กลับประสบปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องการบริหารจัดการสินค้า เพราะวางขายสินค้าที่หลากหลายเกินไป ทำให้ปี 2557 ร้าน POP MART ตัดสินใจปรับลดประเภทสินค้าลง และทำการศึกษาข้อมูลยอดขายของร้าน ก่อนจะพบว่า Art Toy เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของร้าน
Art Toy ที่ POP MART เอาเข้ามาขายในตอนนั้น เป็น “กล่องสุ่ม” ตัวการ์ตูน Sonny Angel ที่เป็นลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของศิลปินชาวญี่ปุ่น โดยเริ่มแพร่หลายในกลุ่มนักสะสมทั้งในจีนและทั่วโลก โดยยอดขายของกล่องสุ่ม Sonny Angel อย่างเดียวคิดเป็นยอดขายถึง 1 ใน 3 ของยอดขายสินค้าทั้งหมดกว่าหลายร้อยรายการในร้าน
POP MART จึงได้เปลี่ยนแปลงธุรกิจของตัวเอง เป็นการเน้นขายแค่ Art Toy อย่างเดียว
ต่อมา POP MART ได้ร่วมมือกับเคนนี หว่อง (Kenny Wong) ศิลปินชาวฮ่องกง โดยซื้อลิขสิทธิ์ “Molly” เด็กผู้หญิงปากคว่ำเหมือนปากเป็ด มาจากเคนนี ซึ่งแปลว่าผลงานที่เป็น Molly ทุกชิ้นจะขายโดน POP MART เท่านั้น และในปี 2559 ก็ได้ผลิต “Molly – 12 Zodiac” ซึ่งเป็น Art Toy คอลเลกชันแรกที่ผลิตโดยบริษัท ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม กลายเป็นสินค้าที่มียอดขายถล่มทลาย และนำไปสู่การผลิตน้องมอลลี่ออกมาอีกหลาย ๆ ซีรีส์
หลังจากนั้น POP MART ก็ได้ร่วมมือกับศิลปิน Art Toy คนอื่น ๆ ผลิตสินค้าออกมา ไม่ว่าจะเป็น Dimoo, SKULLPANDA, Bunny รวมทั้งจับมือกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง The Walt Disney และ Universal Studis เพื่อนำตัวการ์ตูนต่างๆ มาผลิตเป็นของเล่นสะสม ภายใต้แบรนด์ POP MART อีกด้วย
POP MART เติบโตอย่างรวดเร็ว และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในเดือนธันวาคม 2563 และขยายสาขาไปยังสหรัฐ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ อังกฤษ และไต้หวัน ในปี 2565 และขยายไปยังมาเลเซีย ฝรั่งเศส ในปี 2566 และเปิดตัวสาขาแรกที่ไทยเมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา
ปรากฎการณ์ราคาพุ่ง
ขึ้นชื่อว่าของสะสม แน่นอนว่าราคาย่อมเป็นไปตามอุปสงค์-อุปทานระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย โดยอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ราคาขึ้นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เป็นสินค้าที่หยุดผลิตไปแล้ว ตัว Secret ที่หายากเป็นพิเศษ การเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้สินค้าเป็นที่นิยมมากกะทันหัน หรือแม้แต่ปัจจัยพิเศษอีกอย่าง นั่นคือสินค้าที่เป็น Limited Edition
Limited Edition ถ้ามีคำนี้อยู่ไม่ว่าอะไรก็แพงได้ทั้งนั้น เพราะการบอกออกมาตรง ๆ เลยว่าสินค้านี้ “มีจำกัด” แน่นอน และสำหรับนักสะสมบางราย โดยเฉพาะกลุ่มกระเป๋าหนัก จะมาพร้อมคำว่า “ของมันต้องมี” อีกด้วย ยิ่งทำให้ราคาพุ่งทะยานขึ้นไปใหญ่
แล้วถ้า “ของสะสม” + “Limited Edition” ล่ะ?
แน่นอนว่าจะดันราคาพุ่งอย่างไม่หยุดยั้งแน่นอน เพราะการซื้อขายเปลี่ยนมือกันไปเรื่อย ๆ ทั้งในหมู่นักสะสมและกลุ่มที่ต้องการเก็งกำไรโดยเฉพาะ
ดังนั้นการซื้อ Art Toy โดยเฉพาะรุ่นที่เพิ่งออก (เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้น สินค้ามักจะผลิตออกมาจำนวนไม่มากอยู่แล้ว) จึงแทบจะการันตีได้ว่าราคาขึ้นแน่นอน ทำให้เป็นวิธีหาเงินที่ง่าย และรวดเร็ว สำหรับคนที่มีทุน (และเวลากับความอดทน)
อย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนล้วนมีความเสี่ยง ในบางรุ่นเมื่อเวลาผ่านไปราคาอาจไม่ได้สูงขึ้นอย่างที่คิด ดังนั้นหากซื้อเพื่อหวังเก็งกำไรจากการขายต่อ ก็อาจพบกับการขาดทุน จนอาจถึงจุดที่ทำใจ cut loss ไม่ได้ และกลายมาเป็นสาวกเก็บสะสม Art Toy ไปเสียเองก็เป็นได้…
Reference: Blockdit, Sanook (1), Sanook (2), The Standard