บนเส้นทางสู่ความสำเร็จทางการเงิน เราได้เจอกับสภาวะที่หลากหลายของโลกแห่งการลงทุน การเดินทางครั้งนี้ได้แรงผลักดันจากแนวโน้มของตลาด ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเรา เช่นเดียวกับกะลาสีเรือที่จะต้องเข้าใจธรรมชาติของท้องทะเล นักลงทุนก็จำเป็นจะต้องเข้าใจถึงแนวโน้มของตลาด
แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตลาดไม่อยู่ในขาขึ้น วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของโลกแห่งการลงทุน นั้นก็คือ ตลาดหมี (Bear Market)
ตลาดหมี หรือ Bear Market คืออะไร ?
ลองนึกภาพหมีสีป่าสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ใช้อุ้งเท้าของมันปัดลงมา เช่นเดียวกัน ตลาดหมีหมายถึงช่วงเวลาที่ราคาของสินทรัพย์ในตลาดตกต่ำลง และอาจทำให้การเดินทางในโลกของการลงุทนสำหรับมือใหม่กลายเป็นเรื่องที่ยาก
ตลาดหมีมักมีลักษณะเฉพาะที่แปลกประหลาด เหตุการณ์ที่เรียกว่า “ขึ้นบันได ลงลิฟต์” หมายถึง สถานการณ์ที่ราคาของสินทรัพย์ค่อยๆ ไต่ขึ้นอย่างช้าๆ และดิ่งลงอย่างรวดเร็ว เมื่อราคาเริ่มลดลง นักลงทุนจำนวนมากมักจะแย่งกันขายเพื่อเก็บเงินสดหรือรักษาผลกำไรไว้ ทำให้เกิดการขายแบบโดมิโน่ นอกจากนี้ ระบบ Borrowed และ Leverage ยังซ้ำเติมให้เหตุการณ์เหล่านี้รุนแรงขึ้น
คริปโตกับตลาดหมี
Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในช่วงตลาดขาขึ้นนับตั้งแต่มันถูกสร้างจขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เคยเจอกับตลาดหมีมาหลายต่อหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่ราคาของ Bitcoin พุ่งแต่ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2017 ราคาก็ค่อยๆ ร่วงมาจนแตะจุดต่ำสุดที่ 3,000 ดอลลาร์
ตลาดหุ้นก็ไม่รอดเงื้อมมือเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น The Great Depression, วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008 และเหตุการณ์ตลาดถล่มในปี 2020 จากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ถึงเป็นตัวอย่างสำคัญของตลาดหมี ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก
Bull vs Bear
พูดง่ายๆ คือ ตลาดกระทิงเป็นช่วงที่ราคาของสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ตลาดหมีคือช่วงเวลาที่สินทรัพย์ราคาลดลง โดยตลาดหมีมักจะกินเวลานาน ราคาของสินทรัพย์วิ่งในกรอบไปมา กลายเป็นอะไรที่น่าเบื่อและไม่ดึงดูดนักลงทุน
การเอาตัวรอดในตลาดหมี
ในช่วงเวลาตลาดหมี กลยุทธ์ในการลงทุนที่ดีที่สุดคือ เปลี่ยนจากการถือหุ้นหรือคริปโต ไปเป็นเงินสดหรือ Stablecoin หากว่าตลาดดูผันผวนรุนแรง การที่เราอดทนรอเอาไว้จนกว่าตลาดกระทิงจะเริ่มกลับมาดูจะเป็นความคิดที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ลงทุนระยะยาว ตลาดหมีไม่ได้หมายถึงสัญญาณในการขาย
อีกแนวทางหนึ่งที่เป็นที่นิยมคือ การ Short Sell ซึ่งช่วยให้นักลงทุนได้กำไรเมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลง แต่จำไว้ว่า โลกแห่งการลงทุนไม่ใช่สนามเด็กเล่น มันจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับแน้วโน้มของตลาด
ในบางครั้ง เทรดเดอร์บางคนอาจพยายามสวนตลาด โดยมองหาโอกาสในการทำกำไรจากการดีดตัวระยะสั้น ที่มักเรียกกันว่า “Bear Market Really” หรือ “Dead Cat Bounce” อย่างไรก็ตาม นี้เป็นกลยุทธ์ในการลงทุนที่มีความเสี่ยง คล้ายกับการพยายามเอามือไปรับมีดที่ตกลงมาจากโต๊ะ ควรไปให้นักลงทุนที่มีประสบการณ์เขาทำกำไรกันไปจะดีกว่า
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดหมีก็เหมือนกับการเรียนรู้ภาษาทางการเงินใหม่ๆ มันช่วยให้คุณมีความรู้ในการปกป้อตัวเอง และอาจทำกำไรได้เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ในตลาดหมี กลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ ถือเงินสดเอาไว้และรอ