KEY TAKEAWAYS
- มหาวิทยาลัย King Abdullah University of Science and Technology (Kaust) ของซาอุดีอาระเบีย เปิดตัว AceGPT ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่เน้นภาษาอาหรับ จากความร่วมมือกับจีน
- ที่ผ่านมา สหรัฐพยายามป้องกันไม่ให้จีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ของตัวเองได้ โดยเฉพาะชิปของสหรัฐ และก็ไม่ได้จำกัดการส่งชิปไปยังตะวันออกกลาง แต่เรื่องดังกล่าวอาจเปลี่ยนไปเมื่อซาอุดีอาระเบียร่วมมือกับจีนมากขึ้น
ความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างจีนกับซาอุดีอาระเบีย ทำให้เกิดความกังวลว่า ซาอุดีอาระเบียอาจถูกจำกัดไม่ให้เข้าถึงชิปสหรัฐ ที่เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างเทคโนโลยีใหม่
ที่ผ่านมา สหรัฐได้เพิ่มข้อกำหนดใบอนุญาตส่งออกการ์ดจอที่ผลิตโดย Nvidia และ AMD เพื่อป้องกันไม่ให้จีนได้ข้อมูลชิปที่ล้ำสมัยซึ่งจำเป็นต่อการสร้าง generative AI ขณะเดียวกัน สหรัฐก็พยายามดึงกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับให้ออกห่างจากจีน ด้วยการสนับสนุนด้านรางรถไฟและเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมอินเดียและยุโรปผ่านตะวันออกกลาง รวมถึงไม่ได้สั่งห้ามส่งออกชิปไปยังตะวันออกกลาง
มาตรการดังกล่าวอาจทำให้ AI กลายเป็นหนึ่งในการสู้รบสำคัญอีกครั้งระหว่างสหรัฐกับจีนในพื้นที่กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ โดยซาอุดีอาระเบียและ UAE ต้องการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ารวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีกับจีน ขณะเดียวกันก็ยังต้องรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงหลักไว้
อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันตกได้แสดงความกังวลเรื่องการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับกับจีนมานานแล้ว
ซาอุดีอาระเบียกำลังพยายามที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภูมิภาค ด้วยการสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์และเปิดตัว LLM ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังระบบ generative AI เช่น chatbot
ความร่วมมือครั้งล่าสุดระหว่างซาอุดีอาระเบียกับจีน คือการที่มหาวิทยาลัย King Abdullah University of Science and Technology (Kaust) ของซาอุดีอาระเบีย เปิดตัว AceGPT ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่เน้นภาษาอาหรับ โดยสร้างขึ้นจากความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Chinese University of Hong Kong, Shenzhen (CUHK-SZ) และ Shenzhen Research Institute of Big Data
อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัย Kaust ของซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า AceGPT เป็นโปรเจกต์วิจัยส่วนตัวของศาสตราจารย์คนหนึ่ง และไม่ได้ดำเนินการบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย และ Kaust มีความสัมพันธ์กับหลายประเทศทั่วโลก การลงทุนในการ์ดจอขึ้นกับความต้องการของกลุ่มนักวิชาการเองที่ต้องการส่งมอบโปรเจกต์ที่สำคัญต่อประเทศ
ความทะเยอทะยานด้าน AI ล่าสุดของซาอุดีอาระเบีย เริ่มขึ้นตั้งแต่ Tony Chan ประธานของ Kaust ได้ขยายความร่วมมือไปยังจีน และลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Shenzhen เบื่อแลกเปลี่ยนความสามารถในการวิจัยและบุคลากรผู้มีความสามารถ รวมถึงร่วมเขียนบทความในนโยบายต่างประเทศ หัวข้อ “อเมริกาไม่สามารถหยุดการเติบโตของจีนได้ และควรหยุดพยายามได้แล้ว”
Kaust ระบุว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างซาอุดีอาระเบียกับจีนกำลังเฟื่องฟู ดูได้จากนักวิชาการชาวจีนที่ Kaust ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยมีนักศึกษา 20% นักวิจัยหลังปริญญาเอก 34% และอาจารย์ 9% เป็นชาวจีน
งานด้าน AI ที่ Kaust นำโดย Jürgen Schmidhuber นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวเยอรมนี โดยกำลังพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Shaheen III โดยตั้งเป้าให้ทรงพลังกว่าระบบที่มีอยู่ถึง 20 เท่า
Kaust มีสัญญากับ Hewlett Packard Enterprise (HPE) เพื่อส่งมอบระบบ Shaheen III โดยทาง HPE เลือกชิปของ Nvidia พร้อมระบุว่า จะปฏิบัติตามกฎระเบียบควบคุมการส่งออก และให้บริการลูกค้าทั่วโลกให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลสหรัฐ
ซึ่ง Kaust ก็ระบุว่า จะปฏิบัติตามข้อกำหนดการควบคุมการส่งออกของสหรัฐ รวมถึงกรอบการทำงานต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการเรื่อง Shaheen III ได้ โดยการเข้าถึงทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Shaheen III จะให้เพียงผู้ดูแลระบบของ Kaust Core Labs และทีมของ HPE เท่านั้น
ขณะเดียวกัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ก็เปิดตัว Falcon รุ่นใหม่ ซึ่งเป็น LLM ที่อ้างว่าทรงพลังกว่า Llama 2 ของ Meta อย่างมาก ส่วน G42 ซึ่งเป็นบริษัทของ Sheikh Tahnoon bin Zayed al-Nahyan ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของ UAE ที่เคยร่วมมือกับจีนในด้านวัคซีนและห้องปฏิบัติการ ก็เปิดตัว LLM ภาษาอาหรับเช่นกัน
Reference: ft