แท่งเทียนคืออะไร ?
แท่งเทียน (Candlestick) เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างแผนภูมิที่เกิดขึ้นครั้งแรกในญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 18 ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือแสดงความผันผวนของราคาของสินทรัพย์ ปัจจุบัน ตัวเลขเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับนักลงทุนในทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ทองคำ พันธบัตร รวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัล ช่วยให้พวกเขาสามารถกลั่นกรองข้อมูลราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวที่เป็นไปได้ในอนาคต
แท่งเทียน เมื่อวางตำแหน่งในลำดับเฉพาะ จะเกิดรูปแบบที่อาจบอกได้ถึงการเพิ่มขึ้น การลดลง หรือความมั่นคงของราคาในอนาคต มันเสนอเงื่อนงำเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาดและสามารถระบุถึงโอกาสในการซื้อขายที่เป็นไปได้
กราฟแท่งเทียนมีลักษณะอย่างไร?
ลองจินตนาการถึงการติดตามราคาของหุ้นหรือสกุลเงินดิจิทัลในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น หนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน หรือหนึ่งสัปดาห์ แท่งเทียนแสดงข้อมูลราคานี้ด้วยภาพ “เชิงเทียน” ประกอบด้วยตัวแท่ง และเส้นสองเส้นหรือที่เรียกว่า “ไส้เทียน” ตัวแท่งเทียนเป็นสัญลักษณ์ของความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดสำหรับช่วงเวลานั้น ในขณะที่ไส้เทียนแสดงถึงราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลานั้น
โดยปกติแล้วสีเขียวหมายถึงราคาที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ ในขณะที่สีแดงหมายถึงการลดลงของราคา
ทำความเข้าใจรูปแบบของแท่งเทียน
รูปแบบแท่งเทียน เกิดจากการเรียงตัวกันแท่งเทียนหลายแท่ง เป็นกุญแจสำคัญในการถอดรหัสแนวโน้มของตลาด รูปแบบเหล่านี้ให้เงื่อนงำเกี่ยวกับแรงซื้อและแรงขายในขณะนั้น และสามารถชี้ให้เห็นถึงการกลับตัว, การไปต่อ หรือความไม่แน่นอนของราคา
แต่จำเอาไว้ว่า รูปแบบของแท่งเทียนเหล่านี้ไม่ใช่สัญญาณซื้อหรือขายโดยตรง แต่ทำหน้าที่เป็นตัวบอกแนวโน้มตลาด ช่วยให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสที่เป็นไปได้ การพิจารณาสภาพแวดล้อมของตลาดที่กว้างขึ้น หรือรูปแบบกราฟทางเทคนิค อย่างเช่นวิธี Wyckoff, Elliott Wave Theory และ Dow Theory ยังเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคำนึงถึงตัวบ่งชี้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis : TA) แบบอื่นๆ เช่น Trend Lines, Relative Strength Index (RSI), Stochastic RSI, Ichimoku Clouds และ Parabolic SAR
แนวรับและแนวต้านซึ่งเป็นตัวแทนของอุปสงค์และอุปทาน ก็มีบทบาทสำคัญในการประเมินรูปแบบแท่งเทียน
รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick Patterns)
Hammer : แท่งเทียนนี้ปรากฏที่ด้านล่างของแนวโน้มขาลง มีไส้เทียนด้านล่างยาวอย่างน้อยสองเท่าของขนาดเนื้อเทียน แม้จะมีแรงขายสูง แต่แท่งเทียนแบบ Hammer ก็แสดงให้เห็นว่าสามารถผลักดันราคากลับขึ้นไปใกล้ระดับราคาเปิดได้
Invert Hammer : นี่คือการกลับด้านของค้อนที่มีไส้ยาวอยู่เหนือแท่งเทียน เป็นสัญญาณว่าราคาได้หยุดการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลงและอาจกลับตัวขึ้นไป
Three White Soldiers : รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนสีเขียวสามแท่งต่อเนื่องกัน ซึ่งราคาเปิดจะอยู่ภายในตัวแท่งเทียนก่อนหน้า และราคาปิดเหนือจะอยู่เหนือระดับสูงสุด ซึ่งบ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
Bullish Harami: รูปแบบนี้มีแท่งเทียนสีแดงยาวตามด้วยแท่งสีเขียวที่เล็กกว่า บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงอาจชะลอตัว
รูปแบบแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick Patterns)
Hanging Man: รูปแบบนี้คล้ายกับ Hammer ต่างเพียง Hanging Man จะเกิดที่ปลายแนวโน้มขาขึ้น บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจเสียทรงในเร็วๆ นี้
Shooting Star: รูปแบบนี้คล้ายกับ Inverted Hammer ปรากฏขึ้นที่ปลายขาขึ้น และอาจเป็นสัญญาของการจบรอบแนวโน้มขาขึ้น
Three Black Crows: รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดงสามแท่งติดต่อกัน เป็นรูปแบบตรงกันข้ามกับ Three White Soldiers ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง
Bearish Harami: รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนสีเขียวยาวตามด้วยแท่งสีแดงที่เล็กกว่า และบอกถึงแรงซื้อที่ลดลง
Dark Cloud Cover: รูปแบบนี้เริ่มต้นด้วยแท่งเทียนสีแดงที่ราคาเปิดสูงกว่าราคาระดับปิดของแท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้า แต่จากนั้นมีราคาปิดต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งเทียนก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง
แท่งเทียนแบบต่อเนื่อง
Rising Three Methods: รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดงสามแท่งติดต่อกันภายในแนวโน้มขาขึ้น ตามด้วยแท่งเทียนสีเขียว บอกถึงแนวโน้มขาขึ้นแบบต่อเนื่อง
Falling Three Methods: ตรงกันข้ามกับ Rising Three Methods แท่งเทียนแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนสีเขียวสามแท่งติดต่อกัน และตามด้วยแท่งเทียนสีแดง แบบนี้หมายถึงแนวโน้มขาลงแบบต่อเนื่อง
แท่งเทียนแบบ Doji
แท่งเทียนรรูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาเปิดและราคาปิดใกล้เคียงกันมาก ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ Gravestone Doji เกิดที่ปลายขาขึ้น ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลง ในขณะที่ Dragonfly Doji เกิดที่ปลายขาลง ส่งสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น
เคล็ดลับการใช้แท่งเทียน
ฝึกฝนพื้นฐานให้เชี่ยวชาญ: ก่อนที่จะเริ่มซื้อขาย จงแน่ใจว่าคุณมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับแท่งเทียนและความสำคัญของรูปแบบต่างๆ
ใช้เครื่องมือที่หลากหลาย: ใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ ควบคู่ไปกับรูปแบบแท่งเทียนสำหรับภาพรวมตลาดที่ครอบคลุม
ตรวจสอบกรอบเวลาที่แตกต่างกัน: ประเมินรูปแบบของแท่งเทียนใน Time Frame ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจอารมณ์ตลาดที่กว้างขึ้น
ปลอดภัยไว้ก่อน: การซื้อขายมีความเสี่ยงโดยเนื้อแท้ ใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง เช่น Stop Loss และรักษาอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดี นอกจากนี้ หลีกเลี่ยงการ Overtrade
ความสามารถในการอ่านและทำความเข้าใจรูปแบบแท่งเทียนเป็นทักษะที่มีค่าสำหรับนักลงทุนทุกคน แต่ถึงแม้ว่าแท่งเทียนจะให้ข้อมูลเชิงลึก สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าพวกมันไม่ได้ถูกต้อง 100% เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้งานได้จริงในการทำความเข้าใจแรงซื้อและการขายที่ขับเคลื่อนตลาด