Michaël van de Poppe เทรดเดอร์ นักวิเคราะห์ และผู้ประกอบการในโลกคริปโต ออกมาเปิดเผยคาดการณ์ว่า Bitcoin กำลังเข้าสู่การปรับฐานครั้งสุดท้าย โดยอาจลงไปได้ถึง 45,000 ดอลลาร์ ก่อนจะพุ่งทะยานต่อเนื่องยาวนาน 2 ปี และนี่คือบทวิเคราะห์ของเขา
แน่นอนว่า BTC จะร่วงแตะ 53,000 ดอลลาร์ ก่อนกลับตัว
Van de Poppe เชื่อว่าอีกไม่นานจะหมดช่วงที่ Bitcoin ร่วงแล้ว โดยได้วิเคราะห์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวระยะสั้นของ BTC/USD ไว้เมื่อวันที่ 7 กันยายน ว่า “มีสภาพคล่อง และ Bitcoin จะกลับไปสู่ 54,800 ดอลลาร์ โดยคาดว่าจะขึ้นได้สูงสุด 55,500 ดอลลาร์ ก่อนจะกลับลงไปแตะ 53,000 ดอลลาร์ อีกครั้ง ซึ่งเป็นการปรับฐานครั้งสุดท้าย ก่อนจะกลับตัวอย่างชัดเจนและเข้าสู่ Bull Run นาน 2 ปี”
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ข้างต้นจะเป็นจริงได้ ต้องไม่มีเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น
ที่ผ่านมา Bitcoin ไม่สามารถทำให้เทรดเดอร์เชื่อมั่นได้ว่าจะไม่เกิด Lower Low แม้จะเคยไปแตะ 50,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนมาไม่นาน ทั้ง ๆ ที่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมค่อนข้างจะเป็นใจ แต่ตลาดคริปโตกลับซบเซาอย่างหนัก
ซึ่ง Van de Poppe ก็รู้ถึงข้อนี้ และชี้ว่า ตลาดหุ้นนั้นเปราะบางในแง่ของสภาพคล่อง และผู้คนก็ต้องการฝากเงินไว้กับสินทรัพย์พวกนั้นเพราะกังวลเงินเฟ้อ แต่เรื่องดังกล่าวจะเปลี่ยนไปในเร็ว ๆ นี้
Bitcoin เคลื่อนไหวสอดคล้อง S&P 500 แบบในปี 2019
สำหรับสาวก Bitcoin อาจจะพอเบาใจได้บ้าง เพราะ BTC/USD กำลังเคลื่อนไหวแบบเดียวกับในปี 2019 ที่เคลื่อนไหวล้อไปกับ S&P 500 อนุมานได้ว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นไม่ใช่จุดสิ้นสุดของตลาดกระทิงระยะยาว
นอกจากนี้ Van de Poppe ยังระบุด้วยว่า มีการปรับฐานครั้งสำคัญเกิดขึ้นในตลาด ซึ่งน่าจะเป็นจุดสิ้นสุดเหมือนกับในปี 2019 ที่ Bitcoin ลงไปแตะ 6,000 ดอลลาร์ ซึ่งในปีนี้ Bitcoin น่าจะลงไปแตะช่วง 45,000 – 50,000 ดอลลาร์
“ซึ่งจากมุมมองดังกล่าว เมื่อรวมกับการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กำลังจะเกิดขึ้น, สภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และสภาพคล่องทั่วโลกเพิ่มขึ้นในจีน ทำให้ดูเหมือนเรากำลังอยู่ใกล้จุดเริ่มต้นของ Bull Cycle ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมี”
ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดประชุมครั้งหน้าในวันที่ 18 กันยายน ซึ่งจะเป็นการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดมองว่าจะปรับลดดอกเบี้ยแน่นอน เพียงแต่จะปรับลดเท่าไหร่ ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยจะเป็นผลดีกับคริปโตและสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะทำให้มีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น
Reference: cointelegraph