The New York Times รายงานว่า Carl Erik Rinsch ผู้กำกับ Conquest ซีรีส์ไซไฟจาก Netflix เจียดงบทำหนัง 4 ล้านดอลลาร์ ทุ่มซื้อ Dogecoin ก่อนทำเงินกลับมาได้ 27 ล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างฟ้องร้องกับ Netflix
รายงานระบุว่า เรื่องดังกล่าวเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2020 หรือ 16 เดือนหลังจาก Netflix ตกลงซื้อไอเดียทำหนังของ Rinsch และอนุมัติงบให้ 44 ล้านดอลลาร์ แต่ Rinsch ขอเพิ่ม และ Netflix ตกลงเพิ่มให้อีก 11 ล้านดอลลาร์ ในเงื่อนไขว่าต้องทำซีรีส์ให้จบ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกฉายเลยสักตอน
ทั้งนี้ ข้อมูลทางการเงินที่ The New York Times ได้รับพบว่า Rinsch ใช้เงิน 10.5 ล้านดอลลาร์ จากงบทำหนังที่ได้ไปซื้อหุ้น และสูญเงินเกือบ 6 ล้านดอลลาร์ ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังซื้อสัญญา option ของบริษัทยาและ S&P 500
จากนั้น Rinsch ได้นำเงินอีกกว่า 4 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือ โอนไปยัง Kraken ซึ่งเป็น Crypto Exchange และทำการ all in DOGE และเมื่อถึงเดือนพฤษภาคม 2021 เขาก็ถอนเงินออกมาได้ประมาณ 27 ล้านดอลลาร์
Rinsch แชทกับเจ้าหน้าที่ Kraken ว่า “ขอบคุณมาก และขอให้พระเจ้าอวยพรคริปโต”
หลังจากนั้น Rinsch ถูกกล่าวหาว่า ใช้เงินเกือบ 9 ล้านดอลลาร์ ไปกับการซื้อเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ เสื้อผ้าแบรนด์ดัง นาฬิกาหรูราคากว่า 380,000 ดอลลาร์ รถโรลส์-รอยซ์และเฟอร์รารี่ 5 คัน
เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับ Netflix ก่อนจะตัดสินใจยกเลิกซีรีส์ดังกล่าว เนื่องจาก Rinsch ใช้งบกำกับหนังอย่างผิดวัตถุประสงค์
The New York Times รายงานว่า Rinsch ได้ยื่นฟ้อง Netflix ต่ออนุญาโตตุลาการ โดยอ้างว่า Netflix ละเมิดสัญญา และติดค้างค่าเสียหายเขาอยู่ 14 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทาง Netflix ปฏิเสธ
Thomas Cherian โฆษกของ Netflix ระบุว่า “บริษัทให้เงินทุนและสนับสนุนซีรีส์ของ Rinsch แต่หลังจากเวลาและความพยายามทั้งหลาย มันก็ชัดเจนว่า Rinsch ไม่มีทางทำโปรเจกต์นี้เสร็จตามที่เขาตกลง เราเลยตัดสินใจพับโปรเจกต์นี้ไป”
ด้าน Rinsch อ้างว่า สิ่งของต่าง ๆ ที่เข้าซื้อไปเกือบ 9 ล้านดอลลาร์ นั้นเป็นของประกอบฉากสำหรับซีรีส์ Conquest โดยเงินนั้นเป็นเงินของเขาเอง และ Netflix ติดค้างเขาอีก 14 ล้านดอลลาร์
คดีนี้มีการไต่สวนต่อหน้าอนุญาโตตุลาการไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าจะรู้ผลเร็ว ๆ นี้
Reference: cointelegraph, dexerto