ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 มีบางสิ่งที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นบนอาณาจักรคริปโต นั่นคือการถือกำเนิดของ Bitcoin โดย Satoshi Nakamoto ที่ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นบุคคลหรือกลุ่มคนกันแน่ Bitcoin ได้กลายเป็นราชาของอาณาจักรคริปโตอย่างรวดเร็ว และถึงแม้ในอาณาจักร จะมีตระกูลขุนนางอย่าง Ethereum, Litecoin, Dogecoin หรือที่เราเรียกกันว่ากลุ่มขุนนาง Altcoins เกิดขึ้นมา ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นราชาของ Bitcoin หวั่นไหวแต่อย่างใด
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Bitcoin Dominance
เพื่อที่จะให้ง่ายในการทำความเข้าใจว่า Bitcoin มีอำนาจมากขนาดไหนในอาณาจักรคริปโต เราก็ต้องไปพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า Bitcoin Dominace ซึ่งยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ มันคือการวัดว่าพื้นที่ที่ Bitcoin ครอบครองในอาณาจักรคริปโต มีขนาดเท่าใดเมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมด
Bitcoin Dominance ช่วยให้เราสามารถรู้ได้ว่า ในตอนนี้ บรรดากลุ่มขุนนาง Altcoins ต่างๆ กำลังมีอำนาจเพิ่มมากขึ้นหรือลดน้อยลงแค่ไหนในอาณาจักรคริปโต ยกตัวอย่างเช่น เมื่อขุนนาง เริ่มจะมีอำนาจมากขึ้นในช่วงปี 2017 มันก็ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของตลาดกระทิง และเป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของอาณาจักรคริปโต
จากหนึ่งกลายเป็นพัน
ในปี 2011 ขุนนาง Altcoin ตัวแรกที่ชื่อ Litecoin ได้ถือกำเนิดขึ้น และในปี 2013 นิตยสาร Forbes ก็ขนานนามว่าเป็น “ปีแห่ง Bitcoin” โดยเป็นปีที่ ถึงแม้ว่าจะมีขุนนางเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก แต่ราชา Bitcoin ก็ยังคงครองอำนาจเป็นอันดับหนึ่ง โดยในปีนั้น Bitcoin ครองครองพื้นที่ในอาณาจักรคริปโตมากถึง 95%
Ethereum ถือกำเนิด
ในปี 2015 Vitalick Buterin และทีมงาน ได้ทำการเปิดตัว Ethereum เข้าสู่อาณาจักรคริปโต มอบโอกาสให้กับประชาชน และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น Bitcoin ก็ยังคงครองอาณาจักรกว่า 90-95%
แต่ทว่าในปี 2017 ตำแหน่งของ Bitcoin ก็เริ่มสั่นคลอน ด้วยการมาถึงของปรากฎการณ์ Initial Coin Offering หรือ ICO
ICO FEVER
ในปี 2017-2018 ICOs ซึ่งเป็นช่องทางการระดมทุนใหม่ของขุนนางในอาณาจักรคริปโตก็กลายเป็นกระแสขึ้นมา ขุนนาง Altcoins นับพันผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด และระดมทุนไปได้รวมกันมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ความมั่งคั่งและความนิยมบางส่วนของ Bitcoin ถูกย้ายไปยังกลุ่ม Altcoins จนทำให้ Bitcoin Dominance ลดลงสู่ระดับต่ำสุดตลอดกาลที่ 37% ในปี 2018 (แต่ก็ยังคงเป็นอันดับ 1)
ฤดูหนาวของอาณาจักรคริปโต
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย เมื่อบรรดาขุนนาง Altcoins ส่วนใหญ่ที่ระดมทุนผ่าน ICOs กลายเป็นแค่งานปาหี่หลอกลวง และมีจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ถูกหน่วยงานกำกับดูแลเข้าเล่นงาน จนทำให้อาณาจักรเข้าสู่ช่วงตกต่ำ ซึ่งประชาชนเรียกกันว่า “Crypto Winter (ฤดูหนาวของคริปโต)”
ราชาผงาด
ด้วยการกระทำและผลงานอันน่าผิดหวังของกลุ่มขุนนาง Altcoins ทำให้ราชาอย่าง Bitcoin เริ่มกลับมามีอำนาจอีกครั้ง โดยในช่วงปลายปี 2018 Bitcoin Dominance พุ่งกลับมามากกว่า 50% และในเดือนกันยายน 2019 ก็กลับมาแต่จุดสูงสุดที่ 70%
Covid and Bull Run
ในปี 2020 ทั่วทั้งโลก ได้พบเจอกับโรคระบาดอย่าง Covid ที่ทำให้เศรษฐกิจถดถอยในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงตลาดกระทิงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน Bitcoin Dominance พุ่งทะลุ 70% ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2021
สาเหตุหลักก็คือ ในช่วงที่โรคโควิดระบาด ประชาชนจำนวนมากต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน และรัฐบาลก็ทำการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งบางคนก็พบว่า นี้แหละ คือหนทางที่นำไปสู่ อาณาจักรคริปโต
บรรดาสื่อต่างก็รายงานข่าวเกี่ยวกับการมีอยู่ของอาณาจักรคริปโต ทำให้ขุน Altcoins กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน ผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น Decentralized Finance และ NFT ที่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum, Polygon, Solana และเครือข่าย Altcoins อื่นๆ ทำให้ Bitcoin Dominance ลดน้อยลงต่ำกว่า 50% และไม่เคยกลับขึ้นไปได้อีกเลยจนปัจจุบัน
อนาคตของ Bitcoin Dominance
ความเป็นอันดับหนึ่งของ Bitcoin ได้รับการทดสอบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนของ Altcoins ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้ง DeFi และ NFT ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และบรรดาสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกนับพันนับหมื่น อย่างไรก็ตาม Bitcoin ก็ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยสถานะสกุลเงินดิจิทัลสกุลแรก และด้วยอุปทานที่จำกัด ทำให้มันเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า หรือที่เรานิยามมันว่า “ทองคำดิจิทัล”
แต่อย่างที่เราได้เห็นกันในอดีต การที่เป็นคนแรก ไม่ได้รับประกันว่าจะเป็นที่หนึ่งตลอดไป จะมีขุนนาง Altcoins ขึ้นมาท้าทายความเป็นราชาของ Bitcoin ในอาณาจักรคริปโตได้หรือไม่นั้น เวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบ ในตอนนี้ Bitcoin ยังคงเป็นผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักรดิจิทัลที่น่าหลงใหลที่สุดในโลกอย่างคริปโต