Impermanent Loss เป็นความเสี่ยงที่เราต้องเผชิญเมื่อเราไป Provide Liquidity ให้กับผู้ดูแลสภาพคล่อง มันเหมือนกับการซื้อหุ้นของบริษัทจำนวนมาก และราคาของมันก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการขายมัน
ลองนึกภาพว่าคุณซื้อมะนาว 10 ลูก มาทำน้ำมะนาวขายที่ราคา 1 ดอลลาร์ต่อ 1 แก้ว และคุณมีน้ำมะนาว 10 แก้ว หมายความว่าสินทรัพย์ของคุณตอนนี้มีมูลค่า 10 ดอลลาร์
และวันหนึ่ง ราคาของมะนาวขึ้น ทำให้คุณสามารถขายน้ำมะนาวได้ที่ราคาแก้วละ 2 ดอลลาร์ และเรายังคงมีน้ำมะนาวอยู่ 10 แก้ว หมายความว่าสินทรัพย์ของเรามีมูลค่าเพิ่มมาเป็น 20 ดอลลาร์
หากเราขายน้ำมะนาวทั้งหมดตอนนี้ เราจะได้กำไร 10 ดอลลาร์ แต่ถ้าหากว่าเราขายมะนาวแทน เราจะได้กำไร 20 ดอลลาร์
ซึ่งเหมือนกับ Impermanent Loss เมื่อเราทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการสภาพคล่อง เท่ากับว่าเรากำลังล็อคสินทรัพย์ของเรา หากราคาของสินทรัพย์ที่ถูกล็อคเปลี่ยนแปลงไป เราอาจสูญเสียผลกำไรหรือขาดทุนบางส่วนที่อาจเกิดขึ้น
จำนวน Impermanent Loss ที่เราจะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป หากราคาของสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปมาก Impermanent Loss ของเราก็มากตาม
เช่น เราทำการ Provide Liquidity ด้วย 1 ETH ที่ราคา 100 ดอลลาร์ และ 100 USDT ในอัตรา 50/50
หากราคาของ ETH พุ่งขึ้นไปเป็น 400 ดอลลาร์ จะทำให้อัตราส่วนของ ETH ต่อ USDT ในสภาพคล่องของคุณเปลี่ยนไป และทำให้คุณจะถอน ETH และ USDT ที่ฝากไว้ได้น้อยลงกว่าเดิม
นี้คือ Impermanent Loss คุณเสียกำไรบางส่วนที่เกิดขึ้นจากการที่ ETH ราคาพุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ Impermanent Loss จะเกิดขึ้นก็ต้องเมื่อเราทำการเลิกเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องและถอนสินทรัพย์นั้นออกมา หากว่าเราทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องเป็นเวลานาน ค่าธรรมเนียมที่ได้รับอาจชดเชย Impermanent Loss ได้
เคล็ดลับในการหลีกเลี่ยง Impermanent Loss
- เลือกให้บริการสภาพคล่องในคู่ซื้อขายที่มีความผันผวนน้อย
- เริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยๆ ก่อน
- เลือก AMM ที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น UniSwap, PancakeSwap
Impermanent Loss เป็นความเสี่ยงที่เราควรระวังหากเราต้องการจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการสภาพคล่อง และในบางครั้ง ค่าธรรมเนียมที่เราได้รับ อาจไม่สามารถชดเชยความสูญเสียที่เราเจอได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะศึกษาและเลือกกลุ่มสินทรัพย์ให้ดีก่อนจะเริ่มต้นเป็น Liquidity Provider