อะไรคือ Token ?
คุณอาจเคยได้ยินคำว่า “โทเค็น (Token)” ที่หมุนเวียนไปมาในโลกของสกุลเงินดิจิทัล แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว โทเค็นหมายความว่าอย่างไร?
โดยพื้นฐานแล้ว โทเค็นไม่สามารถถูกขุดได้เอง มันจะถูกสร้างขึ้นโดยใช้บล็อกเชน อย่างโทเค็น $UNI หรือ $SUSHI บนเครือข่าย Ethereum วิธีการใช้งานของมันก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ใช้เป็นสกุลเงิน ไปจนถึงใช้ในการปกป้องข้อมูล
มาตรฐานโทเค็นที่ได้รับความนิยมก็อย่าง ERC-20, ERC-721 และ ERC-1155 โทเค็น อย่าง $UNI, $SUSHI เป็นสิ่งที่สามารถโอนไปมาหากันได้โดยใช้พื้นฐานของบล็อกเชน แต่ถึงแม้ว่า Bitcoin และ Ethereum ก็สามารถโอนไปมาหากันได้ แต่มันคือคริปโตที่เป็นรากฐานของบล็อกเชน ไม่ใช่โทเค็น
นอกจากนี้โทเค็นบางตัวอาจแลกเปลี่ยนหรือเป็นตัวแทนของสินทรัพย์นอกเครือข่าย อย่างเช่นทองคำ หรือดอลลาร์ และปัจจุบันก็มีโทเค็นที่เป็นตัวแทนของสินทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์อย่าง Real-World Assets (RWAs)
แล้ว Data Tokenization คืออะไร ?
แล้วรู้หรือไม่ว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่า โทเค็นข้อมูล (Data Tokenization) นี่คือกระบวนการแปลงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือบันทึกสุขภาพ ให้อยู่ในรูปแบบโทเค็น ทำให้ปลอดภัยในการจัดเก็บ ถ่ายโอน และประมวลผลโดยไม่เปิดเผยข้อมูลจริง มันเหมือนกับการปลอมแปลงความลับอันมีค่าของคุณเพื่อให้เราสามารถจัดการรมันได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวล ตัวอย่างเช่น หมายเลขบัตรเครดิตอาจถูกโทเค็นแปลงให้เป็นชุดตัวเลขแบบสุ่มที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งใช้สำหรับการยืนยันการชำระเงิน แต่หมายเลขบัตรจริงยังคงซ่อนอยู่ สิ่งนี้สามารถนำไปใช้กับตัวตนบนโซเชียลมีเดียของคุณ ทำให้คุณสามารถสลับแพลตฟอร์มได้โดยไม่สูญเสียการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
Data Tokenization ไม่ใช่ของใหม่ มันถูกนำมาใช้ในโลกการเงินเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลการชำระเงินมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ผู้คนพึ่งจะรับรู้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของ Data Tokenization
Tokenization vs Encryption
ตอนนี้คุณอาจจะคิดว่า “นี่มันเหมือนกับการ Encryption ไม่ใช่เหรอ” แม้ว่าทั้งการ Encryption และ Data Tokenization จะเป็นวิธีการปกป้องข้อมูล แต่ก็มีความแตกต่างกันในการดำเนินการและวัตถุประสงค์ Encryption เป็นเหมือนรหัสลับ มันทำการแปลงข้อมูลของคุณให้อยู่ในรูปแบบที่อ่านไม่ได้ซึ่งมีเพียงต้องใช้รหัสลับเท่านั้นในการไขมัน Encryption ถูกใช้ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น เพื่อการสื่อสารที่ปลอดภัย หรือการจัดเก็บข้อมูล
ในทางกลับกัน Data Tokenization ก็ไม่จำเป็นต้องมีรหัสลับ เพียงแค่แทนที่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนด้วยโทเค็นที่ไม่ซ้ำใคร ตัวอย่างเช่น หมายเลขบัตรเครดิตอาจถูกแทนที่ด้วยโทเค็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับหมายเลขเดิม แต่ก็ยังสามารถดำเนินการธุรกรรมได้ เชน ข้อมูลเพื่อการดูแลสุขภาพหรือการประมวลผลการชำระเงิน
หลักการทำงานของ Data Tokenization
เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ลองนึกถึงการเปลี่ยนโซเชียลมีเดียจากแพลตฟอร์มหนึ่งไปยังอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง ตามปกติแล้ว คุณจะต้องทำการสมัครบัญชีผู้ใช้ใหม่ ทำการป้อนข้อมูลส่วนตัวของคุณใหม่ และมีแนวโน้มว่าจะคุณอาจจะต้องทิ้งประวัติการโพสต์และความสัมพันธ์ของคุณในแพลตฟอร์มเก่าไว้เบื้องหลัง แต่ด้วย Data Tokenization คุณสามารถเชื่อมโยงตัวตนดิจิทัลของคุณกับแพลตฟอร์มใหม่ สามารถโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้โดยอัตโนมัติ แต่การจะทำสิ่งนั้นได้ คุณจะต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Metamask ซึ่งแสดงถึงตัวตนของคุณบนบล็อกเชน ทำการเชื่อมกระเป๋าเงินของคุณกับแพลตฟอร์มใหม่ ประวัติส่วนตัว และสินทรัพย์ของคุณจะถูก Sync โดยอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าโทเค็น, NFT และธุรกรรมที่ผ่านมาของคุณจะไม่สูญหาย ด้วยวิธีนี้ คุณมีอิสระที่จะย้ายไปมาระหว่างแพลตฟอร์มโดยไม่มีข้อจำกัด
ประโยชน์และข้อจำกัดของ Data Tokenization
Data Tokenization มีประโยชน์มากมาย
- ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลอย่างมากโดยการแทนที่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนด้วยโทเค็น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกละเมิดข้อมูล ถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว และป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์
- ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการปกป้องข้อมูลที่เข้มงวด รักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และลดโอกาสในการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
- ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล ด้วยการเปิดใช้งานการแบ่งปันข้อมูลที่ปลอดภัยระหว่างแผนกหรือคู่ค้าโดยให้สิทธิ์การเข้าถึงโทเค็น
อย่างไรก็ตาม Data Tokenization ก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่นกระบวนการผลิตโทเค็นอาจส่งผลต่อคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากข้อมูลบางอย่างอาจสูญหายหรือผิดเพี้ยนระหว่างกระบวนการได้ นอกจากนี้ยังอาจขัดขวางการทำงานร่วมกันของข้อมูล ทำให้ยากขึ้นสำหรับระบบต่างๆ ที่ใช้ข้อมูลในการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ ข้อมูลโทเค็นอาจทำให้เกิดคำถามทางกฎหมายและจริยธรรมเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของข้อมูลและการใช้งาน ประการสุดท้าย หากระบบ tokenization ล้มเหลว การกู้คืนข้อมูลอาจทำได้ยากหรือไม่สามารถทำได้เลย
Data Tokenization use case
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบเก่า รวบรวมข้อมูลของผู้ใช้จำนวนมหาศาล ซึ่งมักจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลส่วนกลาง ทำให้เสี่ยงต่อการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือถูกแฮ็ก แต่ด้วย Data Tokenization ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าสามารถให้ใครเข้าถึงเนื้อหาของเราได้บ้าง และสามารถตั้งกฏที่กำหนดขึ้นมาโดยเฉพาะได้ เช่น ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะให้บัญชีที่ได้รับการยืนยันเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเนื้อหาหรือตอบโต้กันได้ หรือกำหนดจำนวนโทเค็นขั้นต่ำที่ใช้ในการเข้าถึงเนื้อหา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการเนื้อหาและช่องทางในการสร้างรายได้ของตนเอง
Data Tokenization ได้กลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญในหลายภาคส่วน ทั้งอุตสาหกรรม, การแพทย์, การเงิน, สื่อ และโซเชียลมีเดีย โดยได้แรงหนุนจากความต้องการด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฏหมายที่เพิ่มขึ้น แม้จะมีข้อจำกัด แต่ศักยภาพในการจัดการข้อมูลของมันก็มีอยู่มากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอย่างรอบคอบ และการดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญในการเคารพสิทธิ์ของผู้ใช้งาน