KEY TAKEAWAYS
- One Piece Live-Action ขึ้นอันดับ 1 ซีรีส์ยอดนิยมของ Netflix ใน 84 ประเทศ แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Stranger Things Season 4 และ Wednesday ที่เคยขึ้นอันดับ 1 ใน 83 ประเทศ
- ทุ่มทุนสร้างมหาศาลตอนละ 18 ล้านดอลลาร์ มากกว่า The Sandman, See, Game of Thrones และ The Mandalorian
- แคสติ้งนักแสดงนำทั้ง 5 ที่เคารพต้นฉบับ และกระตุ้นความคาดหวังและอยากดูของแฟน ๆ
- สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อยู่ที่อ.โอดะ ผู้แต่ง One Piece และซีรีส์นี้จะออกฉายไม่ได้จนกว่าอ.โอดะจะพอใจ
One Piece Live-Action ขึ้นอันดับ 1 ซีรีส์ยอดนิยมของ Netflix ใน 84 ประเทศ แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Stranger Things Season 4 และ Wednesday ที่เคยขึ้นอันดับ 1 ใน 83 ประเทศ
สถิติดังกล่าวน่าจะบ่งบอกความนิยมของ One Piece Live-Action ได้เป็นอย่างดี
แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ในเมื่อที่ผ่านมา เมื่อพูดถึง Live-Action ที่สร้างจากอนิเมะหรือมังงะ เชื่อได้เลยว่าแฟน ๆ ของแต่ละเรื่องจะไม่อยากให้ทำ ไม่ว่าจะด้วยกลัวที่หนังจะออกมาไม่เป็นไปตามที่หวัง และอาจทำลายภาพจำของตัวเอง ซึ่งในหลาย ๆ เรื่องเมื่อเข็นออกมาแล้วก็ได้รับเสียงตอบรับที่ไม่สู้ดีนัก
แล้วทำไมจึงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นกับ One Piece Live-Action ล่ะ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า One Piece เป็นหนึ่งในเรื่องท่ีแฟน ๆ ทั้งคาดหวังและกังวลมากที่สุดหลังมีการประกาศทำ live-action โดย Netflix อย่างเป็นทางการ จากการที่ live-action ก่อนหน้านั้นของ Netflix ออกมาไม่ดีนัก เช่น Death Note (2017) และ Cowboy Bebop ส่วนฝ่ายที่คาดหวัง อาจเป็นเพราะการที่ Netflix ประกาศทุ่มทุนสร้างถึงตอนละ 18 ล้านดอลลาร์ หรือการที่เออิจิโระ โอดะ (Eiichiro Oda) ผู้เขียน One Piece ประกาศจะลงมาคุมภาพรวมเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ผลที่ออกมาก็แสดงให้เห็นว่า One Piece Live-Action ตอบสนองต่อความคาดหวังของแฟน ๆ ได้เป็นอย่างดี
ทุ่มทุนสร้างมากกว่า Game of Thrones
การที่ Netflix ประกาศทุ่มทุนสร้างถึงตอนละ 18 ล้านดอลลาร์ ทำให้ One Piece Live-Action ติดอันดับ 6 ซีรีส์ที่ใช้ทุนสร้างต่อตอนมากที่สุด แซงหน้า The Sandman, See, Game of Thrones และ The Mandalorian
ทุนสร้างมหาศาลดังกล่าวนำไปใช้กับ CGI เช่น พลังของผลปิศาจหรือเจ้าแห่งทะเล และใช้กับเซ็ตติ้งฉากต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหรือเรือโจรสลัด ที่ต่างก็สร้างขึ้นมาจริง ๆ ทำให้ได้ความสมจริงไปอีกขั้น องค์ประกอบที่พรั่งพร้อมทั้งฉากจริง เรือจริง เครื่องแต่งกายจริง และ CGI ที่ใส่ใจอย่างแท้จริง ทำให้ทุนสร้าง 18 ล้านดอลลาร์ นั้นไม่สูญเปล่า และกุมหัวใจของแฟน ๆ เรื่องนี้ไว้ได้
แคสติ้งที่เคารพต้นฉบับ
One Piece Live-Action เป็นอีกหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ผู้เขียนลงมามีส่วนร่วมในการคัดเลือกนักแสดงเองเลย และทำให้ได้นักแสดงที่ตรงกับต้นฉบับอย่างอินากิ โกดอย (Iñaki Godoy) รับบทมังกี้ ดี ลูฟี่ พระเอกของเรื่อง แมคเคนยู (Mackenyu) รับบทโซโร, เอมิลี่ รัดด์ (Emily Rudd) รับบทนามิ, เจคอบ โรเมโร่ กิ๊บสัน (Jacob Romero Gibson) รับบทอุซป, และทาซ สกายเลอร์ (Taz Skylar) รับบทซันจิ
การเปิดตัวนักแสดงนำที่ตรงกับต้นฉบับออกมา ก็ยิ่งทำให้แฟนการ์ตูนตั้งตารอ live-action เรื่องนี้มากขึ้นไปอีก และหนังที่ออกฉายจริงก็ไม่ได้ผิดไปจากสิ่งที่คาดหวังแต่อย่างใด นักแสดงนำทั้ง 5 คน รับผิดชอบบทบาทของตนเองได้เป็นอย่างดี
อำนาจการตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่ที่เออิจิโระ โอดะ
ขณะเดียวกัน บทบาทของ อ.โอดะ ไม่ได้จบแค่มีส่วนร่วมในการคัดเลือกนักแสดง แต่ อ.โอดะ มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดทั้งการถ่ายทำ ไม่ว่าจะตรวจ เพิ่มเติม แก้ไข สคริปต์และบท ไปจนถึงให้คำแนะนำต่าง ๆ และที่สำคัญ อ.โอดะ มีสิทธิ์ชี้ขาดเต็มที่ใน live-action เรื่องนี้
บทบาทดังกล่าวยืนยันได้จากที่เอ็มม่า ซัลลิแวน (Emma Sullivan) หนึ่งในผู้กำกับ One Piece Live-Action กล่าวว่า อ.โอดะมีส่วนร่วมในการสร้างซีรีส์ทั้ง 8 ตอน และหากอ.โอดะไม่โอเคในเรื่องใด ทีมงานก็พร้อมจะถ่ายแก้ใหม่อีกรอบ
และสิ่งที่ตอกย้ำคำยืนยันดังกล่าวมาจากตัวอ.โอดะเองในวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของตัวละครลูฟี่ อ.โอดะได้โพสต์ข้อความถึงโปรเจกต์การสร้าง One Piece Live-Action นี้ และสิ่งหนึ่งที่อ.โอดะระบุไว้ก็คือ
“เมื่อพิจารณาจากช่วงอายุของผม ผมเชื่อว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะนำ One Piece ออกสู่สายตาคนทั้งโลก และถ้าเราจะทำ ผมก็อยากจะมีส่วนในการดูแลสิ่งต่าง ๆ ในตอนที่ยังไหว
นั่นคือเหตุผลที่ผมอนุมัติให้สร้าง live-action ในปี 2559 และนับตั้งแต่นั้น Netflix ก็ได้ทุ่มทรัพยากรอย่างมากให้กับการสร้างโปรเจกต์นี้ พวกเขาประกาศว่า One Piece Live-Action จะพร้อมออกฉายในปี 2566 แต่ได้ให้สัญญากับผมว่า จะไม่ฉายจนกว่าผมจะพอใจ”
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอ.โอดะมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้มากขนาดไหน และมีอำนาจสิทธิ์ขาดถึงขั้นให้ถ่ายใหม่หรือเลื่อนเวลาฉายออกไปได้ และสิ่งที่ออกมาคุ้มค่าขนาดไหน พวกคุณทุกคนก็คงได้เห็นแล้ว…
หรือจริง ๆ เหตุผลที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้อาจจะแค่เหมือนกับที่หนึ่งในทีมงานเรากล่าวไว้ก็ได้ว่า “Mackenyu หล่อมากกกกกกกกก” ก็ เป็น ได้…
Reference: Animesenpai, Collider(1), Collider(2), Collider(3)