สมมุติว่าเราพึ่งเข้าสู่โลกของการลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัล และกำลังพยายามมองหาเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือขายคริปโต เครื่องมือไหนบอกจะช่วยเราได้บ่างนะ นอกจาก การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis), การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และ ความเชื่อมั่นของตลาด (Market Sentiemnt) แล้ว ยังมีอีกเครื่องมือหนึ่งที่น่าสนใจที่ชื่อว่า Fear and Greed Index หรือดัชนีความกลัวและความโลภ
Index คืออะไร
ดัชนีคือชุดของข้อมูลจำนวนมากที่รวมเข้าด้วยกัน และวัดมันด้วยมาตรวัดเดียว อย่างเช่น ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average : DJIA) ก็เป็นตัวอย่างของ Index ที่มีชื่อเสียง ซึ่งติดตามราคาของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ 30 แห่งที่อยู่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน Crypto Fear and Greed Index ก็เป็นดัชนีที่รวบรวมข้อมูลในตลาดคริปโตเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม Index พวกนี้เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์เท่านั้น
Market Indicators คืออะไร ?
Market Indicators คือตัวช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลในตลาดได้ง่ายขึ้น สำหรับนักลงทุนแล้ว เครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ช่วยในการใช้ Technical Analysis,Fundamental Analysis และ Market Sentiment ตั้งแต่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างเส้น Moving Average (MA) หรือ Moving Average Expotential (EMA) ไปจนถึงรูปแบบที่ซับซ้อนอย่าง Moving Average Convergence Divergence (MACD) หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับมูลค่าของสินทรัพย์ และการวัดความรู้สึกและสภาวะอารมณ์ของนักลงทุนในตลาด โดย Crypto Fear and Greed เป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ความรู้สึก (Market Sentiment)
Crypto Fear and Greed Index
ในตอนแรกถูกสร้างขึ้นโดย CNNMoney สำหรับตลาดหุ้น และต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เหมาะกับตลาดคริปโตโดย Alternative.me ซึ่งดัชนีความกลัวและความโลภของตลาดคริปโต จะประเมินแนวโน้มและปัจจัยในตลาดหลายอย่าง เพื่อแยกแยะว่า ในตอนนนี้เราอยู่จุดไหน โดยมีคะแนนเริ่มจาก 0 (กลัวสุดขีด : Extream Fear) ไปจนถึง 100 (โลภสุดขีด : Extreme Greed) โดย 50 บอกถึงความรู้สึกแบบเป็นกลาง (Neutral)
ถ้าเกิด Fear สูง อาจบอกเป็นนัยว่า ตลาดคริปโตมีมูลค่าที่ต่ำเกินไป ซึ่งนำไปสู่การเทขายด้วยความกลัวที่มากเกิน ในทางกลับกัน ถ้าคะแนน Greed สูง อาจหมายถึงตลาดมีมูลค่าสูงมากเกินไปแล้ว เพราะนักลงทุนยอมที่จะ FOMO จนทำให้ราคาสูงเกินจริง ตัวชี้วัดเหล่านี้สามารถอ้างอิงได้สำหรับช่วงระยะสั้นและระยะกลางของตลาดโดยรวม
Crypto Fear and Greed Index ทำงานอย่างไร
ตัวเลขบนดัชนีจะเปลี่ยนใหม่ทุกวัน โดยปัจจุบันแบ่งค่าออกเป้น 4 ประเภทคือ
- 0-24 : Extream Fear หรือ กลัวสุดขีด (สีส้ม)
- 25-49 : Fear หรือ กลัว (สีเหลือง)
- 50-74 : Greed หรือ โลภ (สีเขียวอ่อน)
- 75-100 : Extreme Greed หรือ โลภสุดขีด (สีเขียว)
โดยจะใช้ปัจจัยทั้งหมด 5 ข้อในการวัดค่าของ Fear and Greed ในแต่ละวันคือ
- ความผันผวน (Volatility) 25% : วัดมูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 30 และ 90 วันที่ผ่านมา
- โมเมนตัมของตลาดและปริมาณการซื้อขาย (Market momentum/volume) 25% : เทียบปริมาณการซื้อขายของ Bitcoin และโมเมนตัมตลาด้วยค่าเฉลี่ย 30 และ 90 วันก่อนหน้า
- โซเชียลมีเดีย (Socialmedia) 15% : วัดจากปริมาณการพูดถึงและการติดแฮชแท็กบน Twitter ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin โดยถ้ามีการพูดถึงมาก มักจะบ่งบอกถึงความโลภของตลาด
- Bitcoin Dominance 10% : วัดส่วนแบ่งของ Bitcoin ในตลาด ซึ่งจะชี้ถึงการลงทุนใหม่ๆ และปริมาณเงินที่ไหลไปสู่บรรดา Altcoins
- Google Trends 10% : ประเมินความถี่ของการค้นหาคำว่า Bitcoin บน Google
ทำไม Fear and Greed Index ถึงมีประโยชน์ ?
ดัชนีความกลัวและความโลภของคริปโตให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของนักลงทุนในตลาด การที่ดัชนีแกว่งไปมาอย่างรุนแรง อาจส่งสัญญาณถึงโอกาสในการซื้อหรือขายก่อนที่นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่จะรู้ตัว สามารถช่วยตัวสอบได้ว่า อารมณ์ของเราสอดคล้องกับคนอื่นๆ ในตลาดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ถูกต้อง 100% เสมอไป จึงควรใช้มันเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์เท่านั้น
แล้วมันเหมาะกับการใช้มองตลาดในระยะยาวไหม ?
แม้ว่ามันอาจจะดูได้ผลดีในระยะสั้น แต่ว่าก็มีประสิทธิภาพน้อยกว่าสำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความกลัวและความโลภใน Market Cycle สำหรับมุมมองระยะยาวของตลาด ควรพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย
Crypto Fear and Greed Index เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ และเป็นมิตรกับผู้ใช้ แต่ทั้งนี้การวิเคราะห์ปัจจัยหรือใช้เครื่องมืออื่นๆ อาจจะช่วยให้เห็นภาพรวมตลาดได้ครอบคลุมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จำเอาไว้เลยว่า มันเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น กระจายเทคนิคการวิเคราะห์และทำการค้นหาข้อมูลด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และลงทุนเฉพาะเท่าที่คุณจะเสียได้