KEY TAKEAWAYS
- Yi Gang ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่าหยวนดิจิทัลจะเป็นทางเลือกแทนเงินสดในประเทศจีน
- จีนให้ความสำคัญกับการปกป้องความเป็นส่วนตัว จึงมีระบบการชำระเงินที่ทำให้ไม่เปิดเผยตัวตนระดับหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถควบคุมได้
- Mu Changchun หัวหน้าโปรเจกต์ CBDC ของจีน กล่าวว่า CBDC ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเหมือนเงินสด แต่การไม่เปิดเผยตัวตนเลยก็อาจทำให้เกิดปัญหาด้านอาชญากรรม
ยี่ กัง (Yi Gang) ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้กล่าวในงาน Hong Kong Fintech Week เกี่ยวกับความคืบหน้าของเงินดิจิทัลประจำชาติจีนที่เรียกว่า หยวนดิจิทัล (Digital Yuan, e-CNY) เขากล่าวว่าหยวนดิจิทัลจะเป็นทางเลือกแทนเงินสดในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานของการชำระเงินด้วยเงินดิจิทัลที่ดีมากประเทศหนึ่ง
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “หนึ่งในประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้คือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว”
เขาอธิบายถึงระบบการชำระเงินแบบสองชั้น ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ไม่เปิดเผยตัวตนในการชำระเงิน แต่ก็ยังถือเป็นการชำระเงินที่ควบคุมได้ (controllable anonymity) โดยขั้นที่ 1 ธนาคารกลางจะโอนหยวนดิจิทัลไปยังหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต และจะประมวลข้อมูลธุรกรรมระหว่างสภาบันเท่านั้น ในขั้นที่ 2 หน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจะรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการซื้อขายและบริการเท่านั้นเพื่อนำมาเปิดเผย
Yi ยืนยันว่าข้อมูลผู้ใช้ที่ได้รับมาจะถูกเข้ารหัสและเก็บรักษาอย่างดี ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนจะไม่มีการเปิดเผยและจะไม่มีการแชร์ไปยังบุคคลที่สามเด็ดขาด ผู้ใช้จะมี e-wallet เฉพาะในการทำธุรกรรม และจะสามารถทำธุรกรรมแบบไม่เปิดเผยตัวตนได้มากพอสมควร นอกจากนี้ Yi ยังได้กล่าวว่าการไม่เปิดเผยตัวตนเป็นเหมือนดาบสองคม ดังนั้นจึงต้องมีการจัดการอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในด้านการเงิน
ความคิดเห็นของ Yi สอดคล้องกับความคิดเห็นของหัวหน้าโครงการ CBDC ของจีนอย่าง มู่ ชางชุน (Mu Changchun) ที่บอกว่า “CBDC ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเหมือนเงินสด แต่การไม่เปิดเผยตัวตนเลยก็อาจทำให้เกิดปัญหาด้านอาชญากรรม เช่น การฟอกเงินและการจัดหาเงินทุนเพื่อการก่อการร้ายได้”
ทั้งนี้ประเทศจีนได้เริ่มพัฒนาโปรเจกต์ CBDC มาตั้งแต่ต้นปี 2014 จนกระทั่งปี 2019 ได้เปิดตัวโครงการนำร่อง ตั้งแต่นั้นมาโปรเจกต์นี้ก็ได้ขยายไปถึงลูกค้ารายย่อยหลายล้านรายทั่วประเทศ มีรายงานว่าปริมาณธุรกรรมหยวนดิจิทัลมีทั้งหมดทะลุ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในไตรมาสที่สามของปี 2022
References: Cointelegraph(1), Cointelegraph(2)