Dogecoin สุดยอดเหรียญมีมที่ทุกคนในโลกคริปโตต่างรู้จัก และน่าจะเป็นเหรียญมีมที่โด่งดังที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้สนใจในคริปโต Dogecoin เคยช่วยพลิกสถานะทางการเงินของหลายคน ทำให้หลายคนร่ำรวยขึ้นมา เพียงแต่ผู้ที่สร้างเหรียญนี้กลับไม่ได้รับอะไรเช่นนั้นเลย เพราะอะไร เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เรามาหาคำตอบกัน
จุดกำเนิด Dogecoin
Dogecoin ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2013 โดย Billy Markus aka Shibetoshi Nakamoto วิศวกรซอฟต์แวร์จาก IBM กับ Jackson Palmer ฝ่ายการตลาดของ Adobe และใช้รูปมีม “doge” อันโด่งดังเป็นสัญลักษณ์ของเหรียญ
จุดเริ่มต้นของ Dogecoin เกิดจากการที่ Palmer ล้อเล่นเกี่ยวกับการลงทุนในสกุลเงินคริปโตที่ไม่มีอยู่จริง (ในตอนนั้น) ชื่อ “Dogecoin” แต่เขาก็จดทะเบียนเว็บไซต์ “Dogecoin.com” ไว้ด้วย ต่อมา เมื่อ Markus พบเว็บไซต์ดังกล่าว ก็ได้ทำการติดต่อหา Palmer เพื่อทำให้เรื่องล้อเล่นดังกล่าวเป็นเรื่องจริง
ทั้งคู่สร้าง Dogecoin ด้วยแนวคิดว่า จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลแบบ P2P ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า Bitcoin โดยเน้นไปที่ผู้คนในวงกว้างขึ้น โดยใช้อัลกอริทึม Scrypt เพื่อป้องกันไม่ให้นักขุดใช้อุปกรณ์ขุด Bitcoin มาขึดได้ นั่นแปลว่า หากต้องการขุด Dogecoin ก็จะต้องใช้อุปกรณ์ที่ซับซ้อนกว่า
Dogecoin ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในฐานะสกุลเงินคริปโตที่ “สนุกและเป็นมิตร” โดยเพียง 30 วันแรกหลังเปิดตัว ก็มีคนกดเข้า Dogecoin.com กว่า 1 ล้านครั้ง
การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และการปล่อยมืออย่างไม่คาดฝัน
Dogecoin ประสบความสำเร็จมากอย่างไม่น่าเชื่อ ภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากเปิดตัว ราคา Dogecoin ก็พุ่งทะยานถึง 300% โดยปริมาณการซื้อขายหลายพันล้านดอลลาร์ต่อวัน และเรื่องดังกล่าวยังเกิดในตอนที่ Bitcoin และเหรียญคริปโตอื่น ๆ มีปริมาณการซื้อขายลดลง หลังรัฐบาลจีนสั่งห้ามธนาคารจีนลงทุนในคริปโต
Dogecoin ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง โดยในเดือนมกราคม 2014 มีช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ Dogecoin มีปริมาณการซื้อขายแซงหน้าเหรียญคริปโตอื่นทั้งหมดรวมกัน แม้มูลค่าตามราคมตลาดจะยังคงห่างไกลกับ Bitcoin
อย่างไรก็ตาม เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับชุมชน Dogecoin เมื่อ Markus ประกาศยุติบทบาทและถอนตัวออกจาก Dogecoin ด้วยเหตุผลทางการเงิน เพราะในเวลานั้นเขาตกงานที่ทำอยู่ที่ IBM พร้อมเทขายเหรียญทั้งหมดที่ถือ ขณะที่ Palmer ก็ถอนตัวออกจากคอมมูนิตีคริปโตอีกด้วย ให้เหตุผลในการถอนตัวนี้ว่า คอมมูนิตีคริปโต toxic และจากที่เขาเคยเชื่อว่าสกุลเงินคริปโตเป็นสิ่งที่จะเข้ามาเป็นสกุลเงินทางเลือก แต่ที่จริงกลับเป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์และมีไว้เพื่อส่งเสริมคนที่อยู่บนยอดเท่านั้น ซึ่ง Markus ก็เห็นด้วย
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเหรียญใดได้รับความนิยมมากขนาด Dogecoin นี้ ผู้สร้างก็มักจะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล เช่น กำไรจากเหรียญที่ตัวเองถือ แต่นั่นไม่ใช่ในกรณีนี้ เพราะ Dogecoin ได้รับความนิยมเร็วเกินไป ทำให้ทั้ง Markus กับ Palmer ไม่ได้ถือเหรียญไว้มากนัก โดยในตอนที่ Markus ขายเหรียญทั้งหมด เขาได้เงินพอแค่ซื้อรถ Honda Civic มือ 2 เท่านั้น
การลาออกครั้งนี้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาและคอมมูนิตีของ Dogecoin
ความสำเร็จสำคัญในมุมมองผู้สร้าง
อย่างที่ Markus และ Palmer ระบุไว้ และเป็นความตั้งใจแรกสุด คือการสร้างเหรียญคริปโตที่ “สนุกและเป็นมิตร” ดังนั้นสำหรับ Markus แล้ว ความสำเร็จใหญ่สุดของ Dogecoin ไม่ใช่การได้รับความนิยมสูงหรือมีราคาพุ่งขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็น แต่เป็นการตอบแทนสังคม โดย Markus ยก 4 ไฮไลต์สำคัญในระหว่างที่เขายังไม่ถอนตัวจาก Dogecoin ดังนี้
สนับสนุนนักแข่ง NASCAR ที่ Talladega
คอมมูนิตี Dogecoin ระดมทุนกว่า 55,000 ดอลลาร์ หรือ 67 ล้าน Dogecoin ในเดือนพฤษภาคม 2014 เพื่อเป็นสปอนเซอร์ Josh Wise นักขับในรายการ NASCAR Sprint Cup โดยผู้ใช้ Reddit ชื่อ Denis Pavel เริ่มขอระดมทุนในคอมมูนิตี Dogecoin เพื่อสนับสนุนนักแข่งที่ไม่มีสปอนเซอร์ผู้นี้ และในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ก็สามารถระดมทุนได้ตามจำนวนดังกล่าว ซึ่ง Wise ก็ได้ทวีตว่า “ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนอย่างมาก”
ช่วยส่งทีมแข่งเลื่อนน้ำแข็งของจาเมกาไปแข่งโอลิมปิก
ในปี 2014 ทีมเลื่อนน้ำแข็ง (bobsled) ของจาเมกาไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะเดินทางไปแข่งโอลิมปิกฤดูหนาวที่รัสเซีย ทำให้ชาว Dogecoin และบุคคลอื่นอีกหลายพันราย จัดทำแคมเปญระดมทุนช่วยเหลือ โดย Winston Watts นักขับกับ Marvin Dixon ผู้ทำหน้าที่เบรก หวังจะระดมทุน 80,000 ดอลลาร์ แต่เงินบริจาคที่ได้จริงนั้นเกินกว่านั้น โดยเฉพาะชาว Dogecoin ก็สามารถระดมทุนได้ถึง 30,000 ดอลลาร์
จัดหาสุนัขบริการให้แก่เด็ก ๆ ที่ต้องการ
ในปี 2015 kickstarter ชื่อ Doge4Kids เพื่อระดมทุนสำหรับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการจัดหาสุนัขบริการให้กับเด็กภายใต้ชื่อโครงการ 4 Paws For Ability โดยสุนัขบริการนี้ถูกฝึกมาให้ช่วยเหลือเด็กพิเศษ เช่น ออทิสติก โดย Markus ระบุว่า คอมมูนิตี Dogecoin สามารถระดมทุนได้ 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งสามารถครอบคลุมค่าสุนัขบริการ 2 ตัว สำหรับครอบครัวที่ต้องการ 2 ครอบครัว
สร้างบ่อน้ำในเคนยา
Dogecoin Foundation สามารถระดมทุน 50,000 ดอลลาร์ เพื่อสร้างบ่อน้ำ 2 บ่อ ในประเทศประชาคมแอฟริกาตะวันออกในปี 2015 ด้วยความร่วมมือกับ Charity: water ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรจากนิวยอร์ก โดยคอมมูนิตี Dogecoin สามารถระดมทุนได้ 40 ล้าน Dogecoin (50,000 ดอลลาร์ ในตอนนั้น)
ชีวิตหลังถอนตัวจากวงการคริปโต
หลังถอนตัวออกจาก Dogecoin นั้น Markus ก็กลับไปใช้ชีวิตเงียบ ๆ และได้กลับเข้าทำงานกับ IBM อีกครั้ง และแทบจะไม่กลับเข้ามาพูดคุยทางโซเชียลอีก แต่ถ้าหากเข้ามาคุยก็จะเข้ามาคุยด้วยนามแฝงว่า Shibetoshi Nakamoto
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้คนกลับมา hype Dogecoin กันอีกครั้งเพราะ Elon Musk ก็ทำให้ Markus ในฐานะผู้ร่วมสร้าง Dogecoin ถูกพูดถึงอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า “ผมถอนตัวจาก Dogecoin ไป 7 ปีแล้ว เพราะถูกคอมมูนิตีในคริปโตรังควาญ และเหตุการณ์พวกนี้มันกลับมาอีกแล้ว ตอนนี้สถานะการเงินผมมั่นคง แต่คนก็ยังคาดหวังว่าผมจะทำอะไรสักอย่างกับโปรเจกต์ที่ผมไม่มีความเกี่ยวข้องด้วยแล้ว”
ขณะเดียวกัน Markus ยังได้แสดงความผิดหวังกับทิศทางของคอมมูนิตี Dogecoin เพราะเขามองว่าตอนนี้คอมมูฯ เต็มไปด้วยความโลภ และหลงลืมคุณค่าที่แท้จริงของมัน Dogecoin ควรจะเป็นเหรียญที่สนใจแค่ “ความสุข ความใจดี การเรียนรู้ ความเมตตา ความเห็นใจ ความสนุก คอมมูนิตี แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ความเอื้อเฟื้อ ความโง่เขลา ความไร้สาระ”
ส่วน Palmer ที่ถอนตัวเพราะรู้สึกว่าคอมมูฯ คริปโตนั้น toxic ก็ยังคงกลัวเรื่องนั้นอยู่ โดยความคิดที่ยังคงหลอกหลอนเขาอยู่คือการที่รู้ว่าจะมีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินหลายล้านดอลลาร์ และการที่ผู้คนยังคงหน้ามืดตามัวกับคริปโต รวมถึงการที่กลุ่มนายธนาคารเข้ามาควบคุมคริปโต
อย่างไรก็ตาม Palmer ไม่ได้เสียใจถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับกับเรื่องที่เขาพลาดโอกาสเป็นเศรษฐี โดยกล่าวว่า “มันเป็นงานอดิเรกของผม ผมทำให้คนมากมายร่ำรวยแต่ผมไม่ได้รวยไปด้วย ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังบอกคนอื่นได้ว่าผมนี่แหละคือคนสร้าง Dogecoin ซึ่งก็สนุกดี”
“หลายอย่างที่ผมพยายามทำคือทำความเข้าใจและวัดคุณสมบัติการนำไปใช้และการ decentralized จริง Bitcoin มันเป็นเหมือนศาสนา เหมือนลัทธิ และผมว่าไม่ใช่วิธีที่ดี คุณควรทำตามสัดส่วนมูลค่าที่มีต่อสังคม ซึ่งผมว่าตอนนี้ (2018) Bitcoin ทำได้น้อยมาก”
.
ปัจจุบัน Markus แสดงความสนใจในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีเป้าหมายที่จะเรียนรู้การวาดรูป เชี่ยวชาญการเขียนโค้ด เขียนนิยาย หรือแม้แต่แต่งเพลงด้วย AI ส่วน Palmer นั้นเก็บตัวเงียบอยู่
Reference: Businessinsider, Coin-turk, Decrypt.co (1), Decrypt.co (2), MoneyInc, Wikipedia