KEY TAKEAWAYS
- ทัศนคติของธนาคารที่มีต่อคริปโตเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโต เพราะ 65% ของผู้ใช้ที่ตอบแบบสอบถาม บอกว่าพวกเขามีแนวโน้มมากขึ้นที่จะซื้อคริปโต หากสถาบันการเงินในพื้นที่เปิดให้บริการเกี่ยวกับคริปโต
- หน่วยงานด้านการเงินหลายแห่งได้เข้ามาถือคริปโตบ้างแล้ว โดย 50% บอกว่าคริปโตเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ดีต่อภาวะเงินเฟ้อ
งานวิจัยจาก Ripple ระบุว่าสถาบันการเงิน 3 ใน 4 จะก้าวเข้าสู่จักรวาลคริปโตในอีก 3 ปีข้างหน้า และเมื่อตั้งคำถามว่า ทำไมถึงยังไม่เริ่มต้นใช้ตั้งแต่ตอนนี้ ผู้เข้าร่วมงานวิจัยส่วนใหญ่ตอบว่าวงการคริปโตขาดกฎระเบียบที่เหมาะสม รวมถึงมีการแฮ็กเกิดขึ้นหลายครั้งภายในระยะเวลาสั้นๆ
การศึกษายังเผยว่าผู้ใช้ทั่วโลกจะซื้อเฉพาะสกุลเงินดิจิทัลที่ยั่งยืนเท่านั้น อย่างไรก็ตามงานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า หลายคนยังไม่ทราบว่าสินทรัพย์ดิจิทัลชนิดใดใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Work และสินทรัพย์ใดที่ใช้กลไกฉันทามติที่ใช้พลังงานในการยืนยันธุรกรรมน้อยกว่า
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าทัศนคติของธนาคารที่มีต่อคริปโตเคอร์เรนซีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของมัน เพราะ 65% ของผู้ใช้ที่ตอบแบบสอบถาม บอกว่าพวกเขามีแนวโน้มมากขึ้นที่จะซื้อ Bitcoin (BTC) รวมถึง Altcoin หากสถาบันการเงินในพื้นที่เปิดให้บริการเกี่ยวกับคริปโต แต่ 17% บอกว่าการเปิดให้บริการคริปโตของธนาคาร ไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของพวกเขา
แต่เป็นที่น่าสนใจว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหน่วยงานด้านการเงินหลายแห่งได้เข้ามาถือคริปโตบ้างแล้ว โดย 50% บอกว่าคริปโตเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ดีต่อภาวะเงินเฟ้อ
หากมองในมุมมองที่อยู่อาศัย บริษัทและบุคคลที่อยู่ในละตินอเมริกาดูเหมือนจะสนใจอุตสาหกรรมคริปโตมากที่สุด โดย 50% ของพวกเขาเชื่อว่าคริปโตเคอร์เรนซีจะมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในอนาคต ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวยุโรปมีความคิดแบบเดียวกันนี้ 35%
งานวิจัยยังได้กล่าวถึง NFT และสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) Ripple ตั้งข้อสังเกตว่าความสนใจในการสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลได้ “พุ่งสูงขึ้น” ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามมันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องเท่าไหร่นัก
ผู้ตอบแบบสอบถาม 79% กล่าวว่าพวกเขาจะตัดสินใจซื้อ NFT โดยพิจารณาผลประโยชน์ด้านการใช้งาน ส่วน 45% บอกว่าใช้ความรู้สึกตัดสินใจซื้อล้วนๆ
ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่า NFT ที่เกี่ยวข้องกับดนตรี เกม กีฬา จะเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อสนใจมากที่สุด ส่วน NFT ที่เกี่ยวกับภาพยนตร์หรือ Pop Culture จะไม่ได้รับความนิยมมากนัก
Ripple ยังได้สรุปข้อดีข้อเสียของ CBDC ด้วยว่ามันจะทำให้เกิดการรวมตัวทางการเงินอย่างมาก เช่น การจ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำได้อย่างรวดเร็วขึ้น และยังสามารถกระจายในวงกว้างกว่าได้อีกด้วย
“CBDC ใช้เทคโนโลยีพื้นฐานแบบเดียวกับคริปโต สิ่งนี้จะทำให้การชำระเงินข้ามพรมแดนง่ายขึ้น ลดต้นทุนลงเมื่อเทียบกับโซลูชั่นแบบเดิมๆ และสุดท้ายเนื่องจากมันจัดการได้ง่าย ดังนั้นจึงทำให้นโยบายทางการเงินดำเนินการได้อย่างแข็งแกร่งและรวดเร็ว”
แต่ CBDC จะถูกรัฐบาลเข้ามาควบคุมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจุดนี้จะแตกต่างจาก Bitcoin และ Alcoin อื่นๆ คือมีอิสระและไร้ศูนย์กลาง
สถาบันการเงิน 36% เชื่อว่า CBDC จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสังคม ในขณะที่ 34% คิดว่ามันจะส่งเสริมเครือข่ายเศรษฐกิจ อีก 28% คิดว่ามันจะทำให้ภาคธุรกิจเจริญรุ่งเรืองขึ้น
Reference : Cryptopotato