ถึงมือใหม่ที่พึ่งเข้ามาในตลาด และบรรดามือเก่ามือเก๋าทุกท่าน เมื่อเข้ามาสู่โลกของคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว เราอาจจะได้เห็นคำศัพท์หรือตัวย่อแปลกๆ มากมาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ และมันสำคัญพอสมควรเลยที่คุณจะรู้คำศัพท์เหล่านี้ จะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในโลกคริปโต
1. FUD (Fear, Uncertainty, and Doubt)
FUD เป็นตัวย่อของคำสามคำคือ Fear ความกลัว, Uncertainty ความไม่แน่นอน และ Doubt ความสงสัย ในโลกของคริปโต FUD คือข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม โปรเจ็กต์ หรือบรรดาโทเค็นต่างๆ ที่ถูกแพร่กระจายออกไป โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับนักลงทุน
ผู้ที่ทำการเผยแพร่ FUD มีเป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์บางอย่าง เช่น FUD เหรียญนี้คนกลัว แล้วทำการเทขาย เพื่อที่คน FUD จะได้ซื้อในราคารที่ถูกลง แต่บางที FUD ก็กลายเป็น FACT ไปซะอย่างนั้น
2. FOMO (Fear Of Missing Out)
FOMO เป็นการตอบสนองทางอารมณ์ที่มักเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุน รีบซื้อสินทรัพย์เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาสในการทำกำไร หรือที่เรียกกันว่า อาการของคนกลัวตกรถนั้นเอง
การ FOMO ของคนจำนวนมากมักทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า การพุ่งขึ้นนั้นมักจะไม่ยาวนานนัก และสุดท้ายก็จบที่โดนทุบลงมาทุกที
3. HODL
HODL เป็นคำที่เขียนผิดมาจากคำว่า HOLD โดยหมายถึงการถือคริปโตแบบนิ่ง แข็งแกร่งดั่งหินผา ไม่หวั่นไหวแม้ว่าราคาของเหรียญที่ถืออยู่จะลดลงมากเพียงได้ ด้วยความเชื่อที่ว่าในระยะยาว มูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
HODL เป็นพื้นฐานของกลยุทธ์ในการลงทุนแบบ ซื้อและถือ
4. BUIDL
เหมือนกันกับ HODL คำว่า BUIDL คือคำที่เขียนผิดมาจาคำว่า BUILD หมายถึงผู้ที่กำลังสร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ โดยไม่สนใจว่าราคาของมันจะขึ้นหรือลง
ผู้ที่ BUIDL เชื่อมั่นในศักยภาพของคริปโตและเทคโนโลยี Blockchain และมุ่งมั่นที่จะพัฒนามันเพื่อประโยชน์แก่ผู้ใช้ทุกคน
5. SAFU
ดูผ่านๆ อาจจะเหมือนเขียนผิดมาจากคำว่า SAFE แต่จริงๆ แล้ว SAFU ย่อมาจาก Secure Asset Fund for Users และถือว่าเป็นมีมสำหรับ Binance และซีอีโอ CZ
SAFU คือเงินจำนวนหนึ่งที่มีเอาไว้เพื่อชดเชยให้กับผู้ใช้งานที่เสียหายจะช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัยของ Binance
โดยเวลาเกิดเหตุการณ์แฮกหรืออะไรทำนองนี้ CZ มักจะออกมาทวีตว่า “Your fund are SAFU” เพื่อสร้างความสบายใจให้ผู้ใช้งาน
6. ROI (Return on Investment)
ROI คือวิธีการวัดประสิทธิภาพในการลงทุนของเรา โดยสูตรในการคำนวณคือ (มูลค่าปัจจุบัน – ต้นทุน)/ต้นทุน
เช่น นาย A ซื้อ BTC ไป 10,000 ดอลลาร์ ในตอนนี้มีมูลค่า 15,000 ดอลลาร์ ดังนั้น ROI ของ นาย A คือ (15,000 – 10,000)/10,000 = 0.5 หรือ 50% นั้นเอง
7. ATH (All-Time High)
คำนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยจำเป็นจะต้องอธิบายเท่าไหร่ แต่ก็อธิบายหน่อยละกัน ATH หรือ All-Time High คือราคาสูงสุดตลอดกาล อย่างเช่น Bitcoin มี ATH อยู่ที่ 69,000 ดอลลาร์ในคู่เทรด BTC/USDT บน Binance
8. ATL (All-Time Low)
หมายถึง จุดต่ำสุดตลอดกาล อย่างเช่น Ethereum มี ATL อยู่ที่ 0.4 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมปี 2015
9. DYOR (Do Your Own Research)
DYOR หมายถึง การทำการวิจัยหรือศึกษาด้วยตัวเอง เป็นข้อเตือนใจให้กับนักลงทุนทั้งหน้าใหม่และเก่า ให้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ด้วยตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน แทนที่จะอาศัยคำแนะนำจากคนอื่นเพียงอย่างเดียว
10. DD (Due Diligence)
DD คือคล้ายๆ คำ DYOR มันเป็นการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญ โปรเจกต์ หรือบริษัทที่เรากำลังจะไปลงทุน แต่ส่วนใหญ่ Due Diligence มักใช้กับพวกการซื้อขายของบริษัทมากกว่า ส่วนนักลงทุนทั่วไปจะใช้ DYOR
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปลายปีก่อน cz บอกว่า Binance จะซื้อ FTX ของ Sam แต่ว่าของทำ Due Diligence ก่อน เป็นต้น ซึ่งหลังจากทำ DD ไปแล้ว CZ ก็ตัดสินใจไม่ซื้อซะอย่างนั้น (สงสัยไปเจออะไรไม่ดีเข้า)
11. AML (Anti Money Laundering)
AML หรือ Anti Money Laundering เป็นชื่อเรียกของกฏหมายและข้อบังคับที่ใช้สำหรับป้องกันการฟอกเงิน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่บรรดาอาชญากร ทำการเปลี่ยนเงินที่ได้มาอย่างผิดกฏหมาย ให้การเป็นรายได้ที่ถูกต้องตามกฏหมาย
12. KYC (Know Your Customer)
KYC หรือ Know Your Customer เป็นกฏเกณฑ์ที่กำหนดให้บริษัททำการตรวจสอบตัวตนของลูกค้า เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการทำผิดกฏหมายและการฟอกเงิน
คำศัพท์พวกนี้อาจจะดูค่อนข้างสับสนใจตอนแรก แต่ถ้าหากเราทำความเข้าใจมันแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
ดังนั้นก่อนที่จะลงทุน อย่าลืม DYOR ก่อน และอย่าหลงเชื่อ FUD ง่ายๆ รวมถึงไม่ FOMO สุ่มสี่สุ่มห้าเพราะอาจทำให้ขาดทุน แล้วเรามา HODL และ BUIDLing โลกคริปโตไปด้วยกันจ้า