OpenAI ยังคงเผชิญปัญหาอย่างต่อเนื่อง หลัง Sam Altman ผู้ก่อตั้งบริษัท ถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ขณะที่ Greg Brockman ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ OpenAI ก็ประกาศลาออกตามไปด้วย และล่าสุดมีรายงานว่า นักวิจัยอาวุโส 3 รายได้ยื่นลาออกแล้วเช่นกัน ด้าน Microsoft และนักลงทุนรายอื่น ๆ ก็กำลังกดดันคณะกรรมการของ OpenAI ให้รับ Altman กลับสู่ตำแหน่งเดิม
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารของ OpenAI ประกาศว่า Altman ถูกปลดออกจากตำแหน่งซีอีโอ เนื่องจาก Altman ไม่ได้สื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับคณะกรรมการอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการใช้ความรับผิดชอบ โดยจะให้ Mira Murati ซีทีโอของบริษัทขึ้นเป็นซีอีโอชั่วคราว
หลังมีประกาศดังกล่าวออกมาไม่นาน Brockman ก็ได้ประกาศลาออกจากจากบริษัทเช่นกัน ตามด้วย Jakub Pachocki ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย Aleksander Madry หัวหน้าฝ่ายเตรียมความพร้อม และ Szymon Sidor นักวิจัยอาวุโส ก็ได้ยื่นลาออกในเวลาต่อมา
ขณะเดียวกัน มีพนักงานอย่างน้อย 1 คน ถูกปลดพร้อมกัน Altman คือ Alex Cohen ผู้มีหน้าที่เตรียมการนำเสนอสำหรับคณะกรรมการบริหารของ OpenAI โดย Cohen โพสต์ข้อความบน X (ชื่อเดิมทวิตเตอร์) ว่า “ไม่มีใครบอกผมเลยว่าทำไมผมถึงถูกไล่ออก แต่ Sam ส่งข้อความหาผมว่า ‘wtf’ และต่อมาผมก็พบว่า Slack กับ Gmail ผมถูกปิดไปแล้ว”
“ผมพนันได้เลยว่า พนักงาน OpenAI ประมาณ 40% กำลังมองหางานใหม่ Sam กับ Greg คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายคนอยากเข้าทำงานที่นี่ และเมื่อพวกเขาไม่อยู่แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะอยู่ต่อไปทำไม”
เชื่อกันว่าการตัดสินใจปลด Altman เกิดจากความขัดแย้งระหว่าง Altman กับ Ilya Sutskever ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI โดยเฉพาะในเรื่องการระดมทุนครั้งใหม่และการพัฒนา AI
ล่าสุดยังไม่ชัดเจนว่า Altman จะทำอย่างไรต่อไป โดยเขาเป็นผู้ก่อตั้ง Tools for Humanity ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโปรเจกต์คริปโต Worldcoin ขณะที่ Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano ก็ได้เชิญให้ Altman เข้าร่วมโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) แบบ decentralize ของ Cardano ด้วย
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า Microsoft และนักลงทุนรายอื่น ๆ กำลังกดดันคณะกรรมการของ OpenAI ให้รับ Altman กลับสู่ตำแหน่งเดิม และมีการกดดันให้คณะกรรมการชุดเดิมลาออกด้วย ซึ่งแม้สถานการณ์จะยังไม่ชัดเจน แต่การที่ Altman จะกลับสู่ OpenAI เร็ว ๆ นี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
Reference: cointelegraph, bloomberg