KEY TAKEAWAYS
- Ethereum Foundation ออกมาบอกว่า “ข่าวลือที่บอกว่าหลังจาก The Merge เสร็จสิ้น ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมจะถูกลง นั้นไม่เป็นความจริง”
- The Merge นั้นไม่ได้มีผลโดยตรงต่อค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม สิ่งที่มีผลต่อค่าธรรมเนียมนั้นคือการนำระบบ Sharding มาใช้ ผ่านการอัพเกรดที่เรียกว่า The Surge
Ethereum Foundation ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนระบบฉันทามติของบล็อกเชน Ethereum จาก Proof-of-Work (PoW) ไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) ผ่าน The Merge นั้นได้ออกมาบอกว่า “ข่าวลือที่บอกว่าหลังจาก The Merge เสร็จสิ้น ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมจะถูกลง นั้นไม่เป็นความจริง”
ทางทีม Ethereum Foundation ได้ชี้แจงว่า บล็อกเชน Ethereum นั้นประสบปัญหาด้านความสามารถในการปรับขนาด (Scalability) เนื่องจากในตอนนี้ตัวบล็อกเชน สามารถรองรับจำนวนธุรกรรมได้น้อย ทำให้เกิดความแออัดของเครือข่าย ซึ่งความแออัดก็ไปเพิ่มค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม ในทางกลับกัน ยิ่งเครือข่ายแออัดน้อยเท่าไหร่ ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมก็จะยิ่งถูกลงเท่านั้น
ทีมยังได้ย้ำอีกว่า The Merge นั้นไม่ได้มีผลโดยตรงต่อค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม สิ่งที่มีผลต่อค่าธรรมเนียมนั้นจะตามมาที่หลัง คือการนำระบบ Sharding มาใช้ ผ่านการอัพเกรดที่เรียกว่า The Surge
นอกจากนี้ ในการเป็น Validator นั้น ผู้ที่สนใจจะต้องทำการ Stake Ethereum เป็นจำนวน 32 ETH ทำให้มีข่าวลือว่าเมื่อ The Merge สำเร็จนั้น จะมีการแห่ถอน ETH ออกมาเป็นจำนวนมาก ทางทีมก็ได้ออกมาประกาศว่าได้มีการกำหนดอัตราที่ Validator จะถอน ETH จากระบบได้ เพื่อให้แน่ใจว่าบล็อกเชน Ethereum มีความปลอดภัย
วิตาลิค บูเตริน (Vitalik Buterin) หนึ่งในผู้ก่อตั้งบล็อกเชน Ethereum คาดการณ์ว่า The Merge นั้นจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนกันยายน 2022
Reference : Beincrypto