fbpx

เงินคืออะไร? ย้อนทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเงิน และเส้นทางวิวัฒนาการทางการเงินของโลกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

HomeCRYPTOHISTORY | Cryptoเงินคืออะไร? ย้อนทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเงิน และเส้นทางวิวัฒนาการทางการเงินของโลกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
TABLE OF CONTENTS

ช่องทางการติดตาม

KEY TAKEAWAYS

  • เงินมีหน้าที่พื้นฐานอยู่ 3 ประการ คือ เป็นหน่วยกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นหน่วยวัดมูลค่า และเป็นหน่วยเก็บรักษามูลค่า
  • จุดกำเนิดของเงินเริ่มจากการแลกเปลี่ยนโดยตรง จากนั้นจึงมีสื่อกลางแลกเปลี่ยน เช่นเปลือกหอย ก้าวเข้าสู่การมีเงินเหรียญ เงินจากหนังสัตว์ เงินกระดาษ จากนั้นจึงมีการพิมพ์เงินที่มีมูลค่าเชื่อมโยงกับทองคำที่เรียกว่า Gold Standard ก่อนที่จะกลายมาเป็นเงินเฟียตอย่างในปัจจุบัน หลังจากนั้นเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า จึงก้าวเข้าสู่การเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี
  • Gold Standard สามารถป้องกันเงินเฟ้อได้ แต่เป็นข้อเสียของรัฐบาลที่ไม่สามารถควบคุมเงินได้ตามต้องการ

ถ้าพูดถึง “เงิน” เชื่อว่าทุกคนคงคุ้นเคยกันดีเพราะแทบทุกด้านของการดำรงชีวิตของเรานั้นล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับเงิน แต่เราเคยสงสัยหรือคิดกันจริงๆ ไหมว่าแท้ที่จริงแล้ว “เงิน” นั้นคืออะไรกันแน่…

TABLE OF CONTENTS

“เงิน” โดยเบื้องต้นแล้ว คือหน่วยทางเศรษฐศาสตร์ที่คนในสังคมยอมรับเป็นมาตรฐานว่าเป็นสิ่งที่มีค่า และใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนกันได้ ซึ่งเงินจะเป็นอะไรก็ได้ อาจจะเป็นทองแดง แร่หายาก หรือวัตถุอะไรสักอย่างที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

สตีเฟน เซลีกา (Stephen Zarlenga) นักวิจัยและนักเขียนเกี่ยวกับทฤษฎีการเงิน ได้ให้คำนิยามของเงินไว้อย่างน่าสนใจว่า “แก่นแท้ของเงิน (นอกเหนือจากลักษณะทางกายภาพ เช่น กระดาษ หรือ เหรียญ) คือ เป็นพลังที่เป็นนามธรรมในสังคมหนึ่ง ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยกฎหมาย จนทำให้เงินสามารถใช้ซื้อสิ่งของได้โดยไม่มีเงื่อนไข”

แล้วเงินเข้ามามีบทบาทในชีวิตเราได้อย่างไร มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ประวัติศาสตร์ของเงิน จากการแลกเปลี่ยนโดยตรงในสังคมดั้งเดิม สู่เงินเฟียตที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน และมองไกลไปถึงอนาคตอย่างคริปโตเคอร์เรนซี

จุดกำเนิดของเงินเริ่มจากการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยตรงในสังคมดั้งเดิม (Barter System)

ก่อนที่เงินจะถูกสร้างขึ้นมา มนุษย์ทำการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันโดยตรง (Barter System) เช่น เอาวัวมาแลกกับอุปกรณ์ล่าสัตว์ เอาปลามาแลกกับแอปเปิ้ล นี่นับเป็นระบบทางการค้าระบบแรกในประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่ามันย่อมมีข้อจำกัดบางอย่าง คือ การแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรงนั้นจะสำเร็จได้ต้องเป็นการยอมรับในสินค้าของทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งไม่พอใจในสินค้าของอีกฝ่าย การแลกเปลี่ยนก็ไม่สำเร็จ เช่น นาย a มีหมู แต่เขาอยากกินส้ม เขาต้องการแลกเปลี่ยนหมูของเขากับส้มของนาย b แต่นาย b ไม่อยากแลกส้มของตนกับหมูของนาย a เพราะเขาอยากกินไก่มากกว่า เป็นต้น

การแลกเปลี่ยนสินค้าโดยตรงในสังคมดั้งเดิม นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘เงิน’ อย่างที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน

อีกทั้งในการแลกเปลี่ยน หากสินค้าที่ต้องการแลกเปลี่ยนมีขนาดใหญ่มาก อาจจะเป็นเรื่องยากในการขนย้ายไปอีกที่หนึ่ง นอกจากนี้ยังเกิดคำถามว่าสินค้าแต่ละประเภทควรมีมูลค่าการแลกเปลี่ยนเท่าไหร่ การแลกเปลี่ยนนั้นถึงจะถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม

แล้วมนุษย์แก้ไขปัญหานี้อย่างไร?

สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนตัวแรกของโลกได้ถือกำเนิดขึ้น

เพื่อแก้ปัญหานี้มนุษย์จึงตกลงกันสร้างสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนขึ้นมา สื่อกลางการแลกเปลี่ยนแรกในประวัติศาสตร์ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วง 1000 ปีก่อนคริสตกาล โดยมนุษย์ได้นำวัสดุรอบๆ ตัวมาเป็นสื่อกลางในการซื้อขาย เช่น กลุ่มคนที่อยู่ใกล้ทะเลก็นำเปลือกหอยมาใช้เป็นค่าเงินกลางของกลุ่มนั้น ข้อดีของเปลือกหอยคือแข็งแรง มีขนาดเล็กพกพาสะดวก และอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ ชาวพื้นเมืองของเกาะแยป (Yap) ในไมโครนีเซีย (Micronesia) ได้มีข้อตกลงร่วมกันที่จะนำหินปูน (Limestone) ซึ่งเป็นหินหายากในเกาะนั้นมาเจาะรูตรงกลาง และกำหนดให้เป็นสกุลเงินของเกาะ เรียกว่า หินไร (Rai stone)

ถัดจากการแลกเปลี่ยนโดยตรงแล้ว มนุษย์ก็ได้สร้างสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนขึ้นมา เช่น เปลือกหอยของกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ทะเล หรือหินไรของชาวพื้นเมืองในเกาะแยป

นี่นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แต่ทั้งนี้มันก็ยังมีปัญหาอยู่เช่นกัน คือ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนนั้นเป็นที่ยอมรับแค่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่น หินปูนที่หายากในเกาะแยปอาจจะมีมากในเกาะอื่น และเมื่อชาวแยปต้องการทำการซื้อขายกับคนเกาะอื่น คนเกาะอื่นก็ไม่ยอมรับการชำระด้วยหินไรของชาวแยป เพราะคนเกาะอื่นไม่ได้ยอมรับหินไรในฐานะสื่อกลางการแลกเปลี่ยน เป็นต้น

จุดเริ่มต้นของเงินตรามาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน

เงินเหรียญ

เงินเหรียญของอาณาจักร Lydia สร้างโดยกษัตริย์ Alyattes ในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล เป็นเงินเหรียญแรกของโลก และนักประวัติศาสตร์เชื่อว่าเป็นสกุลเงินแรกในประวัติศาสตร์โลก

นี่คือจุดกำเนิดของเงินเหรียญ อันที่จริงมีการใช้โลหะเป็นเงินมาตั้งแต่สมัย 2000 ปีก่อนคริสตศักราชโดยอาณาจักรบาบิโลน แต่เหรียญที่สร้างและควบคุมโดยรัฐบาลของประเทศเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล กวีชาวกรีกชื่อ ซีโนฟาเนส (Xenophanes) ได้บรรยายถึงการสร้างเหรียญของกษัตริย์อเลียตเทส (Alyattes) แห่งอาณาจักรลิเดีย (Lydia) (ตั้งอยู่บริเวณประเทศตุรกีในปัจจุบัน) ซึ่งนักประวัติศาสตร์เชื่อว่านั่นคือสกุลเงินแรกในประวัติศาสตร์โลก มันสร้างขึ้นโดยใช้อิเล็กทรัม (electrum: โลหะผสมระหว่างทองคำกับเงินซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ) โดยมีจุดเด่นคือทุกเหรียญจะถูกประทับตราด้วยรูปหัวสิงโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ลิเดีย และระบบเหรียญของอาณาจักรลิเดียนั้นก็ช่วยสนับสนุนการค้าทั้งภายในและภายนอกอาณาจักร จนส่งผลให้ลิเดียเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่มั่งคั่งที่สุดในเอเชียไมเนอร์ จนเกิดวลีที่ว่า “As rich as Croesus” (มั่งคั่งเหมือนพระเจ้าครีซัส) ซึ่งพระเจ้าครีซัสคือกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรลิเดีย

หลังจากนั้นการใช้ระบบเหรียญก็แพร่ไปในหลายประเทศอย่างกรีก, เปอร์เซีย, มาซีโดเนีย รวมถึงอาณาจักรโรมันด้วย

เงินจากหนังสัตว์

ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงจากเหรียญไปเป็นเงินกระดาษ มีรายงานว่าในสมัยจักรพรรดิหวู่ (Wudi) ของจีน (141-87 ปีก่อนคริสตศักราช) มีการสร้างสกุลเงินจากหนังกวางขาวและนำมาตกแต่งอย่างสวยงาม ถือเป็นเงินในรูปแบบธนบัตรชนิดแรกของโลก ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเงินรูปแบบนี้เองที่เป็นที่มาของคำว่า Buck ที่เป็นคำแสลงเอาไว้เรียกเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

การเปลี่ยนแปลงมาสู่เงินกระดาษ

เงินกระดาษชนิดแรกสร้างขึ้นจากเปลือกของต้นหม่อน ในปี ค.ศ. 700 โดยประเทศจีน

ในขณะที่ยุโรปยังคงใช้เหรียญโลหะเป็นสกุลเงินกันอยู่จนถึงศตวรรษที่ 16 ในค.ศ. 700 ในสมัยของจักรพรรดิเจิ้นจง (Zhenzong) ประเทศจีนได้สร้างเงินกระดาษไว้ใช้กันแล้ว ซึ่งนั่นถูกบันทึกว่าเป็นเงินกระดาษชนิดแรกของโลก โดยมันทำมาจากเปลือกของต้นหม่อน

หลังจากนั้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศรรษวรรษที่ 19 เงินกระดาษก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก แต่เงินกระดาษในช่วงนั้นยังไม่ใช่ธนบัตรที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน แต่มันเป็นตั๋วสัญญา ที่อีกฝ่ายสัญญาว่าจะจ่ายทองคำหรือเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้

เช่น นาย A ไปซื้อเสื้อที่ตลาดมูลค่า 500 บาท ด้วยเงินกระดาษ พ่อค้าที่ขายเสื้อที่ได้รับเงินกระดาษมาก็สามารถนำเงินกระดาษไปแลกเป็นทองคำมูลค่า 500 บาทได้ที่ธนาคาร ขณะเดียวกันนาย A ที่มีเงินกระดาษมูลค่า 500 บาท นาย A ก็สามารถนำเงินกระดาษไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำหรือเงินมูลค่า 500 บาท เงินกระดาษมูลค่า 500 บาทสามารถนำไปแลกเป็นเหรียญหรือสิ่งของที่มีมูลค่าเท่ากับหรือน้อยกว่า 500 บาทได้

ซึ่งระบบนี้เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาธนาคารในเวลาต่อมา

แล้วหน้าที่พื้นฐานของ “เงิน” คืออะไรกันแน่?

เงินมีหน้าที่พื้นฐานอยู่ 3 ประการ คือ เป็นหน่วยกลางในการแลกเปลี่ยน (A medium of exchange) เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of Account) และเป็นหน่วยเก็บรักษามูลค่า (Store of Value)

1. หน่วยกลางในการแลกเปลี่ยน | A medium of exchang

ลองจินตนาการว่าคุณมีหมูแต่อยากกินไก่ คุณต้องจูงหมูไปแลกไก่ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่สะดวกเลยดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ มนุษย์ต้องใช้หน่วยกลางเพื่อให้เกิดความเข้าใจในมูลค่าที่ตรงกัน และหน่วยกลางที่มนุษย์เลือกใช้ก็คือ ‘เงิน’ 

2. หน่วยวัดมูลค่า | Unit of Account

หากเราถามใครสักคนว่าซื้อของมาด้วยราคาเท่าไหร่ คำตอบก็คงจะประมาณว่า ‘ฉันซื้อนมกล่องนี้มาในราคา 10 บาท’ หรือ ‘ฉันซื้อพิซซ่าถาดนี้มาในราคา 15 ดอลลาร์’ เราจะไม่บอกว่า ‘ฉันซื้อพิซซ่าถาดนี้มาด้วยนม 10 กล่อง’ เพราะคู่สนทนาอาจจะไม่รู้จักนมกล่องหรือนึกไม่ออกว่ามูลค่าของนมกล่องที่เราพูดถึงนั้นคือเท่าไหร่กันแน่ ดังนั้นเราจึงบอกคุณค่าของสิ่งของด้วยหน่วยเงินซึ่งเป็นหน่วยที่เราเข้าใจตรงกันแทน นั่นจึงทำให้เงินทำหน้าที่เป็นหน่วยวัดมูลค่า

3. หน่วยเก็บรักษามูลค่า | Store of Value

หากคุณลืมแบงค์ 1000 บาทไว้ในกระเป๋าเสื้อเมื่อปีที่แล้ว แล้วคุณบังเอิญเจอมันคุณย่อมดีใจแน่นอน นั่นเพราะแบงค์ 1000 ใบนั้นยังคงมีมูลค่า 1000 บาทอยู่ มันยังมีมูลค่าอย่างที่มันควรจะเป็นแม้ว่าเวลาจะผ่านไป 1 ปีแล้วก็ตาม เพราะแบงค์ใบนั้นมีหน้าที่ในการ ‘เก็บ’ มูลค่าไว้

แต่เงินไม่ใช่หน่วยเก็บรักษามูลค่าที่ไม่มีความเสี่ยงเลย นั่นเพราะหากเกิดภาวะเงินเฟ้อเงินก็จะมีมูลค่าน้อยลงกว่าที่มันเคยเป็น

คุณสมบัติที่สำคัญ 7 ข้อที่ทำให้ “เงิน” เป็น “เงิน”

1. เงินต้องมีความคงทน | Durable

เงินมีหน้าที่เก็บรักษามูลค่า หากมันไม่มีความคงทน แน่นอนว่ามูลค่านั้นก็จะสูญหายไปด้วยเช่นกัน

2. สามารถพกพาได้ | Portable

หนึ่งในเหตุผลที่เงินได้กลายมาเป็นสื่อกลางในการซื้อขาย คือ เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน ดังนั้นในฐานะตัวกลางในการซื้อขาย เงินจึงต้องสามารถพกพาไปได้ทุกที่

3. สามารถแบ่งเป็นหน่วยย่อยได้ | Divisibility

เงินต้องสามารถแบ่งแยกเป็นหน่วยย่อยได้เพื่อให้ง่ายในการนำไปใช้ซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนกับสินค้าทุกชนิด ทุกช่วงราคา เช่น เงิน 1 ดอลลาร์สามารถแบ่งเป็น 100 เซนต์ หรือ 1 บาท สามารถแบ่งออกได้เป็น 100 สตางค์

4. มีความเป็นเอกภาพ | Uniformity

หมายถึงเงินในสกุลเดียวกันต้องมีความสามารถในการซื้อขายหรือมีมูลค่าอย่างเท่าเทียมกัน เช่น นาย ก. ยืมเงินนาย ข. 1000 บาท ตอนคืนเงิน นาย ก. ไม่จำเป็นต้องเอาเงินใบเดียวกับที่ยืมไปมาคืน เพราะเงิน 1000 บาท ทุกใบมีค่าเท่าเทียมกัน

5. มีจำนวนจำกัด | Scarcity

เงินหมุนเวียนในแต่ละประเทศจะต้องมีจำนวนจำกัดเพื่อให้มูลค่าของเงินคงที่ หากมีจำนวนเงินมากไปจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และทำให้เงินมีค่าลดลง

6. เป็นที่ยอมรับ | Acceptability

ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญมาก คือ เงินต้องเป็นที่ยอมรับของทุกคนในสังคม จึงจะสามารถใช้เป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยนได้ หากคนส่วนใหญ่ในสังคมไม่ยอมรับ เห็นค่าร่วมกัน สิ่งนั้นก็จะไม่สามารถเป็นเงินได้นั่นเอง

7. ไม่สามารถปลอมแปลงได้ | Non-counterfeitability

เงินต้องไม่สามารถปลอมแปลงได้ง่าย เพื่อป้องกันการปลอมแปลง

Gold Standard คืออะไร ทำไมการประกาศยกเลิกในปี 1971 ถึงเป็นเรื่องสำคัญ

Gold Standard คืออะไร?

Gold Standard (ระบบมาตรฐานทองคำ) เป็นระบบการเงินรูปแบบหนึ่งที่เงินนั้นมีมูลค่าเชื่อมโยงโดยตรงกับทองคำ เช่น ถ้ารัฐบาล A ใช้ Gold Standard และมีทองคำมูลค่า 1,000 บาท รัฐบาล A ก็จะสามารถพิมพ์เงินออกมาเพื่อใช้หมุนเวียนในระบบได้ตามมูลค่าทองที่มีนั่นก็คือ 1,000 บาท

Gold Standard (ระบบมาตรฐานทองคำ) เป็นระบบการเงินรูปแบบหนึ่งที่เงินนั้นมีมูลค่าเชื่อมโยงโดยตรงกับทองคำ

ยุคทองของ Gold Standard

Gold Standard ถูกใช้เป็นระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างแพร่หลายในหลายประเทศตั้งแต่ปี 1870 จนถึงช่วงต้นทศวรรษของปี 1920 โดยอังกฤษเป็นประเทศแรกที่ประกาศใช้ Gold Standard ในปี 1821 หลังจากนั้นประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ก็เริ่มนำ Gold Standard มาใช้

ข้อดีและความไม่ยืดหยุ่นของ Gold Standard

แน่นอนว่าระบบ Gold Standard ที่ถูกคิดค้นและใช้กันมานานก็ย่อมต้องมีข้อดี และข้อดีที่ว่านั้นก็คือ มันสามารถป้องกันเงินเฟ้อได้ (Inflation rate) และยังมีส่วนช่วยในการรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าต่างๆ รวมไปถึงอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราด้วย เพราะรัฐบาลเองไม่สามารถควบคุมการเพิ่มปริมาณเงินได้ คือ ไม่สามารถพิมพ์เงินออกมามากเกินไปได้

แต่เมื่อเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น ทำให้รัฐบาลเริ่มมองแล้วว่าการที่ไม่สามารถควบคุมปริมาณเงินในระบบได้ ก็มีข้อเสียใหญ่หลวง(ในมุมของรัฐบาล) นั่นก็คือ ถ้าจะพิมพ์เงินเพิ่มก็ต้องหาทองคำเพิ่มให้ทันกับเงินที่พิมพ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยืดหยุ่น โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่หรือทดถอย แถมการขุดทองยังมีต้นทุนที่สูงมากอีกด้วย นั้นทำให้รัฐบาลต่างๆ เริ่มมองหาหนทางใหม่เพื่อใช้เป็นฐานเศรษฐกิจของโลก ซึ่งก็คือระบบ Fiat Money หรือ “เงินที่ไม่ได้มีมูลค่าในตัวมันเอง”

การสิ้นสุดของยุค Gold Standard

อังกฤษซึ่งเป็นประเทศแรกที่ใช้ Gold Standard ได้ประกาศยกเลิกใช้ระบบนี้ในวันที่ 20 กันยายน 1931 หลังจากนั้นอเมริกาก็เริ่มต้นกระบวนการยกเลิกตามมาติดๆ ในปี 1933 แต่กว่าอเมริกาจะสามารถเคลียร์สิ่งต่างๆ และยกเลิกได้อย่างแท้จริงก็กินระยะเวลามาจนถึงปี 1973 ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดการใช้ Gold Standard ของอเมริกา และถูกแทนที่ด้วยระบบ Fiat Money โดยสมบูรณ์

โดยประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ ณ ตอนนั้นเป็นคนอ่านคำแถลงการณ์ เกี่ยวกับการยกเลิก Gold Standard ในวันที่ 15 สิงหาคม 1971 ซึ่งเป็นคำแถลงการณ์ที่ถูกพูดถึง และเปิดดูจากคนที่สนใจจนถึงทุกวันนี้ที่รู้จักกันในชื่อ The Nixon Shock

ประธานาธิบดี Richard Nixon ขณะอ่านแถลงการณ์ในเหตุการณ์ที่เรียกว่า Nixon Shock ซึ่งก็คือการประกาศยกเลิกการผูกเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไว้กับทองคำ | ภาพจาก Nixonfoundation

และเมื่อ Gold Standard ถูกแทนที่ด้วย Fiat Money นั้นหมายความว่าเมื่อมีปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลก็จะสามารถพิมพ์เงินเพื่อมาใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่าทุกสิ่งบนโลกใบนี้ที่มีมูลค่าเพราะมันไม่ได้มีเยอะจนเกินไป ถ้ามันมีเยอะจนล้นกับความต้องการมูลค่ามันก็จะลดลงเรื่อยๆ หรืออาจจะไม่มีเลย… “เงิน” ก็เช่นกัน หรือที่เรารู้จักกันดีในคำศัพท์ที่เรียกว่า Inflation หรือ “เงินเฟ้อ” แน่นอนว่าการยกเลิกใช้ Gold Standard ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างแน่นอน

Fiat Money คืออะไร? ทำไมทำให้รัฐบาลสามารถพิมพ์เงินออกมาได้ไม่จำกัด

Fiat Money หรือ “เงินกระดาษ” คือ เงินที่ไม่ได้มีมูลค่าโดยตัวมันเอง เป็นสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาลโดยที่ไม่มีสินค้าโภคภัณฑ์หนุนหลัง เช่น ทองคำ หรือ แร่เงิน แต่ถูกรับรองโดยรัฐบาลที่ออกสกุลเงินนั้นๆ โดยมูลค่าของ Fiat Money นั้นจะเกิดขึ้นจาก อุปสงค์ อุปทาน (Demand Supply) ความมั่นคงของตัวรัฐบาลผู้ออกเงิน และความเชื่อมั่นของผู้คนที่ถือสกุลเงินนั้นๆ โดยจะไม่อิงกับมูลค่าของสิ่งที่หนุนหลังอยู่เพราะระบบ Fiat Money ไม่มีอะไรหนุนหลัง

Fiat Money หรือเงินกระดาษ คือ เงินที่ไม่ได้มีมูลค่าโดยตัวมันเอง เป็นสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาลโดยที่ไม่มีสินค้าโภคภัณฑ์หนุนหลัง

ยุคนี้เป็นยุคของ Fiat Money

หลังจากเหตุการณ์ The Nixon Shock ในปี 1971 ถือได้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดยุคของ Gold Standard อย่างแท้จริง และหลังจากนั้นแทบทุกประเทศส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ก็หันมาใช้ระบบ Fiat Money จนถึงปัจจุบันนี้

“เงินเฟ้อ” ความเสี่ยงสำคัญในด้านมูลค่าของระบบ Fiat Money

เนื่องจาก Fiat Money เป็นระบบการเงินที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง ไม่ได้เชื่อมโยงตัวเองเข้ากับมูลค่าของสิ่งที่มีค่าอย่าง ทองคำ แร่เงิน หรือใดๆ ทำให้สกุลเงินที่เป็น Fiat Money มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียมูลค่าของตัวมันเองเนื่องจากเงินเฟ้อ (Inflation) และถ้าในกรณีที่ร้ายแรงมากๆ คือ เกิดภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง (Hyperinflation) ก็อาจจะทำให้เงินนั้นแทบจะไม่มีมูลค่าไปเลยก็ได้ ซึ่งเกิดได้จากการที่รัฐบาลพิมพ์เงินออกมาในระบบเยอะเกินไป หรือผู้คนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาลที่พิมพ์เงินออกมา

ภาวะเงินเฟ้อในประเทศเวเนซุเอล่า โดยในปี 2016 เวเนซุเอลาเริ่มเข้าสู่สภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงโดยมีอัตราเงินเฟ้อในปีนั้นอยู่ที่ 274%, 863% ในปี 2017, 130,060% ในปี 2018 และ 9,586% ในปี 2019

เวเนซุเอลา (Venezuela) เป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง เนื่องจากมีเงินในระบบมากเกินไป โดยในปี 2016 เวเนซุเอลาเริ่มเข้าสู่สภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงโดยมีอัตราเงินเฟ้อในปีนั้นอยู่ที่ 274%, 863% ในปี 2017, 130,060% ในปี 2018 และ 9,586% ในปี 2019

ภาพแสดงถึงอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งคือการที่อำนาจในการซื้อของเงินสกุลนั้นๆ ลดลง

ซึ่ง “เงินเฟ้อ” ที่ว่าก็ คือ การที่อำนาจในการซื้อ (Purchasing Power) ของเงินสกุลนั้นๆ ที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ตัวอย่างเช่น เมื่อ 10 ปีก่อน เงิน 30 บาท อาจจะสามารถซื้อกาแฟได้ 1 แก้ว แต่ปัจจุบันต้องใช้เงิน 60 บาท ในการซื้อกาแฟ 1 แก้ว อันนี้คือเงินเฟ้อ 100% ใน 10 ปี เพราะคุณต้องจ่ายเพิ่ม 1 เท่าเพื่อซื้อของชิ้นเดิม แน่นอนว่าของจริงจะใช้วิธีชี้วัดที่ละเอียดกว่านี้ซึ่งเราจะไม่ลงรายละเอียดเรื่องนั้นในบทความนี้

รูปแบบของเงินในยุคปัจจุบันเป็นอย่างไร

การเงินในยุคปัจจุบันดูจะเป็นเรื่องง่ายเพราะเราทุกคนรู้จัก “เงินสด” ที่อยู่ในรูปแบบแบงค์ เหรียญต่างๆ และใช้สอยมันแทบจะทุกวันอยู่แล้ว แน่นอนว่าเงินสดยังมีความสำคัญในการใช้อยู่บ้าง แต่อีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน นั่นก็คือบัตรเครดิตและบัตรเดบิต

และถัดมาเมื่อสมาร์ทโฟนได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา การทำธุรกรรมต่างๆ ก็ถูกขับเคลื่อนไปอีกขั้นไปเป็นรูปแบบออนไลน์ (Online) ที่เราสามารถใช้เงินที่เป็นเพียงตัวเลขที่อยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-money อย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

รูปแบบถัดไปของเงินคืออะไร คริปโตเคอร์เรนซีจะเป็นนวัตกรรมใหม่ของเงินหรือไม่?

อนาคตทางการเงินโลกจะเป็นอย่างไร คริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นเงินได้หรือไม่

เมื่อรู้จักกับเงินมาแล้ว หลายคนคงอาจเกิดคำถามที่ว่า แล้วสกุลเงินเข้ารหัสหรือคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่เพิ่งได้รับความนิยมและเข้ามามีบทบาทอย่างมากในระบบเศรษฐกิจโลกราวๆ หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ล่ะ นับเป็นเงินหรือไม่?

หากจะตอบคำถามนี้ก็คงต้องย้อนกลับไปยังพื้นฐานของเงินที่ว่า การมีอยู่ของเงินตั้งอยู่บนข้อตกลงร่วมกันของมนุษย์ในสังคมว่าเป็นสิ่งของบางอย่างที่สามารถรักษามูลค่าและสามารถเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้ ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องให้ผู้มีอำนาจ (เช่น รัฐบาล) มากำหนดว่าสิ่งใดควรจะเป็นเงิน ตราบใดที่คริปโตเคอร์เรนซี่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคมว่าสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของและบริการได้ มันก็สามารถที่จะเป็นเงินได้เช่นกันนั่นเอง

References : Investopedia(1), Investopedia(2), Investopedia(3), Britannica, PBS, Mint.intuit, Wikipedia(1), NPR, E-ma, Wikipedia(2)


Credits
Content Creator :
ประเสริฐ หงษ์สุวรรณ, กนกศักดิ์ เรือนทอง, ธนณัฐ โอภาษี
Graphic Designer : ศุภัชฌา ใช้สติ
Admin : ณิชากร วิทยาวิวัฒน์สกุล  
Editor : ประเสริฐ หงษ์สุวรรณ
Enter to Start Team
Enter to Start Teamhttps://entertostart.co
ทีมคนสร้างสื่อที่ตั้งใจจะสร้างพื้นที่แห่งการแบ่งปันข้อมูลในโลกธุรกิจ การลงทุน และคริปโต เพื่อนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ ผ่านคอนเทนต์ที่ย่อยง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก

เรื่องยอดนิยมวันนี้

เรื่องยอดนิยม 7 วัน

เรื่องยอดนิยมวันนี้ | POPPULAR TODAY

เรื่องยอดนิยม 7 วัน | POPPULAR IN 7 DAYS

เปิด Timeline คดีความระหว่าง Binance กับสหรัฐ นำมาซึ่งค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ และการลาออกของซีอีโอ

Binance และ Changpeng "CZ" Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance ยอมรับผิดในข้อหาละเมิดกฎการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของสหรัฐ โดยยินยอมที่จะจ่ายค่าปรับ 4.3 พันล้านดอลลาร์ กระทรวงยุติธรรม (DOJ) สหรัฐ ได้เริ่มทำการสอบสวน Binance เมื่อต้นปีที่แล้ว และในเวลาต่อมา หน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ของสหรัฐก็ได้เปิดฉากดำเนินคดีกับ Binance เช่นกัน Timeline ต่าง ๆ...

Bitfinex เผยถูกฟิชชิ่งไม่รุนแรงและเงินทุนผู้ใช้ยังปลอดภัย

Bitfinex ประกาศว่าถูกโจมตีด้านความปลอดภัยของข้อมูลเล็กน้อย โดยแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลเก่าและไม่สมบูรณ์บางส่วนผ่านการฟิชชิ่งฝ่ายบริการลูกค้าซึ่งมีสิทธิ์เข้าถึงอย่างจำกัด

Glif โปรโตคอล liquid leasing บน Filecoin ระดมทุน 4.5 ล้านดอลลาร์ เตรียมออก rewards program Q1/24

Glif โปรโตคอล liquid leasing บน Filecoin ระดมทุน 4.5 ล้านดอลลาร์ ในการระดมทุนรอบ seed นำโดย Multicoin Capital และมีนักลงทุนอื่น ๆ เข้าร่วม เช่น Zee Prime Capital, Fintech Collective, Big...

Taproot Wizards เตรียมขาย ‘Quantum Cats’ NFT คอลเลกชันแรกของตัวเอง

Taproot Wizards โปรเจกต์ Bitcoin Ordinals ที่ระดมทุนได้ 7.5 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว กำลังเดินหน้าไปอีกก้าวด้วยการขาย Quantum Cats คอลเลกชัน NFT แรกของตัวเอง โดยจะประกอบด้วยแมว 3,333 ตัว ซึ่งออกแบบมาเป็นเกียรติแก่ข้อเสนอการพัฒนา Bitcoin ที่ชื่อ OP_CAT Dan Held ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดแบบสัญญาจ้างของ...

นักวิเคราะห์คาด Bitcoin อาจแตะ 48,000 ดอลลาร์ จากแรงส่งช่วงตรุษจีน

Markus Thielen หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Matrixport และผู้ก่อตั้ง 10x Research เปิดเผยคาดการณ์ว่า ราคา Bitcoin (BTC) กำลังพุ่งแตะ 48,000 ดอลลาร์ ในระยะสั้น หลังเบรกแนวต้านเดิมได้ และได้แรงหนุนจากช่วงตรุษจีนเหมือนที่ผ่านมา Thielen ระบุว่า “2-3 วันข้างหน้ามีความสำคัญทางสถิติอย่างมาก เนื่องจากราคา Bitcoin มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 11%...

OECD คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีหน้าเติบโตเพียง 2.2% ในขณะที่ยุโรปได้รับผลกระทบหนักสุดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

OECD มองว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเติบโตน้อยกว่าปีนี้ ก่อนจะดีขึ้นในปี 2024 ในขณะที่ยุโรปจะได้รับผลกระทบหนักสุดจากสงคราม

Traction Hosts Next: Crypto First Journey Event

This event was held at Siam Paragon, on the 4th floor in the SCBx Next Tech zone, targeting both experienced and novice individuals in...

Traction จัดงาน Next: Crypto First Journey  🚀ร่วมกับ Siam Paragon, Thai Fintech Association (TFA), Binance TH Academy และ Peace Venture

โดยงานครั้งนี้จัดขึ้นที่สยามพารากอน ชั้น 4 โซน SCBx Next Tech สำหรับทั้งผู้มีประสบการณ์และไม่มีประสบการณ์ในโลกคริปโต เพื่อนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซี และวิธีการจะเริ่มต้นลงทุน พร้อมรับฟังแนวคิดและมุมมองอุตสาหกรรมและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตอลจากผู้บริหารบริษัทชั้นนำ พบกับมุมมองของเด็กรุ่นใหม่ว่าทำไมคริปโทเคอร์เรนซีถึงน่าสนใจ พร้อมประสบการณ์จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพตัวเองแต่ก็ยังตัดสินใจเข้ามายังโลกคริปโต ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและเข้าร่วมงาน Next: Crypto First Journey 🚀 งาน Next ครั้งแรกของพวกเรา ด้วยความตั้งใจของ Traction ร่วมกับ Binance...

คุณมี Hamster เป็นของตัวเองรึยัง?

ถ้ายัง มาดูกันเลยว่าต้องเตรียมอะไรไว้บ้าง จัดเตรียมที่อยู่: Hamster ต้องการพื้นที่ที่กว้างพอจะให้สามารถวิ่งเล่นและปีนป่ายไปมาได้ (แต่ไม่ต้องถึงขนาดคลิปที่แต่งบ้านให้ Hamster หรอกนะ) และต้องระบายอากาศได้ดี อยู่ในที่ที่เงียบ เพราะ Hamster ค่อนข้างจะขี้ตกใจ ฐานรองกรง: มีไว้เพื่อระบายกลิ่น ซับของเสีย และไว้ให้ Hamster ขุดเล่น โดยควรเลือกที่รองกรงเป็นวัสดุธรรมชาติ  บ้าน Hamster: เลี้ยงสัตว์ก็ต้องมีบ้านไว้ให้นอนอยู่แล้ว และอย่าลืมหาอะไรนุ่ม ๆ ปูไว้ให้ Hamster...

เดือดโว้ย! ผู้เล่น Catizen ด่าไม่ยั้ง หลังทีมงานเปลี่ยนเกณฑ์แจก Airdrop โดยไม่แจ้ง

เรียกว่ากลายเป็นประเด็นเลยทีเดียว หลังจากที่ Catizen เกมคาเฟ่แมวชื่อดังบน Telegram ทำการแจก Airdrop เสร็จสิ้น เพราะหลายคนมองว่ามันช่างน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ นำมาซึ่งเสียงบ่น ด่า โวยวาย เรียกร้องให้ทีมงานคำนวณใหม่ ซึ่งตามมาด้วยการแถลงการณ์ชี้แจงจากทีมงาน… ซึ่งการแถลงดังกล่าวเหมือนจะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก เพราะมีการเปลี่ยนเกณฑ์แจก Airdrop โดยไม่แจ้งซะอีก ดราม่านี้เป็นยังไง เริ่มจากอะไร จบที่ตรงไหน ไปไล่ดูกันเล้ย ทำความรู้จัก Catizen Catizen เป็นเกมเปิดคาเฟ่แมวบน Telegram...

มาลุ้นรับ Airdrop กับ KatKafe เกมเปิดคาเฟ่แมว (จริง ๆ นะ) กันเถอะ!

KatKafe 🐱@katkafeofficial KatKafe เกมแนว Idle บน Telegram โดยเราจะได้เล่นเป็นเจ้าของคาเฟ่แมว … แต่ไม่ใช่คาเฟ่แมวแบบเดิม ๆ ที่คุณรู้จัก เพียงแต่เป็นคาเฟ่ที่มีพนักงานและลูกค้าเป็นแมว!!!  แถมตอนนี้ยังมีกิจกรรมลุ้นรับ Airdrop ครั้งแรก รางวัลรวม 6,000 ดอลลาร์เลย! ซึ่งจะมีรายละเอียดให้ท้ายโพสต์ ใครสนใจ อยากได้อยากลุ้น อยากเล่น พร้อมแล้วไปกันเล้ย วิธีเล่นง่าย ๆ ตามนี้ ●...

เป็นไปได้ไหมที่ Toncoin จะร่วงอีก 30% ในเดือนนี้?

เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Toncoin (TON) เผชิญวิกฤติสำคัญและทำให้ราคาร่วงกว่า 25% นั่นคือการที่ Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram ถูกจับกุมตัวที่ฝรั่งเศสในวันที่ 24 สิงหาคม ส่งผลให้ TON ร่วงลงเรื่อย ๆ และลงไปถึง 4.45 ดอลลาร์ ในวันที่ 6 กันยายน ก่อนจะดีดตัวกลับ...

บทความที่เกี่ยวข้อง | RELATED ARTICLE

เทียบกันไปเลย! ค่าธรรมเนียม Spot Bitcoin ETF ใครถูก-แพง ดูได้ที่นี่

เหลืออีกเพียง 2 วัน ก่อนจะถึงวันที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐ จะอนุมัติ Spot Bitcoin ETF หนึ่งรายหรือมากกว่านั้น และผู้ยื่นขอทั้งหมดได้เปิดเผยข้อมูลค่าธรรมเนียมกองทุนของตนเองออกมาแล้ว Bitwise กับ ARK เสนอที่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อขายใน 6 เดือนแรก และ/หรือกองทุนมีสินทรัพย์ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะเก็บค่าธรรมเนียม 0.24% กับ...

ปีหน้าเจอกัน! Pudgy Penguins เตรียมออกเกมมือถือ เล็งเปิดตัวปี 2025

Pudgy Penguins คอลเลกชัน NFT ยอดนิยม เตรียมโดดเข้าสู่โลกแห่งเกมมือถือในปี 2025 โดยมี Mythical Marketplace เป็นผู้พัฒนาเกม โดยเกมระดับ AAA นี้จะสร้างบน Mythos Chain ซึ่งเป็นเครือข่ายบน Polkadot ที่มีเกม Web3 ยอดนิยมอย่าง NFL Rivals John Linden...

ทำความรู้จักกับ Grass ที่ไม่ใช่หญ้า และช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ใช้งานได้

Grass คืออะไร Grass เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่จะช่วยให้บุคคลต่าง ๆ สามารถสร้าง passive income ด้วยการขายอินเทอร์เน็ตแบนด์วิดท์ที่ไม่ได้ใช้งาน ครอบครัวและบุคคลส่วนใหญ่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยมีแบนด์วิดท์จำนวนหนึ่งที่มักจะไม่ได้ใช้งาน Grass จะจัดหาเครือข่ายซึ่งจะสามารถขายแบนด์วิดท์เหล่านั้นให้กับองค์กรและสถาบันได้ ช่วยสร้าง passive income กระบวนการนี้ได้รับการสนับสนุนจากชุดแอปพลิเคชันที่ทำงานเบื้องหลังโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ของคุณ แนวคิดและการใช้งาน ใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดท์ที่ไม่ได้ใช้งาน: Grass ช่วยให้บุคคลต่าง ๆ สามารถสร้าง passive income ด้วยการขายแบนด์วิดท์เครือข่ายที่ไม่ได้ใช้งาน โดยอาศัยหลักการที่ว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่มีแบนด์วิดท์ที่ได้จากผู้ให้บริการจำนวนหนึ่ง...

Top 10 บริษัทที่มีการเติบโตมากที่สุดในโลก ปี 2022

10 อันดับบริษัทที่มีการเติบโตมากที่สุดในโลกปี 2022 จัดอันดับโดยนิตยสาร Fortune ซึ่งจัดมาเป็นปีที่ 37 แล้ว

หารายได้จาก ETH ที่ไม่ได้ใช้ด้วย LSD 

ในโลกคริปโต เรามีวิธีการหารายได้มากมาย ไม่ว่าจะเทรดโดยตรงหรือ Stake เพื่อรับ Reward ต่าง ๆ แต่เพื่อน ๆ รู้มั้ยว่า ต่อให้เราเอาสินทรัพย์ไป Stake ไว้อยู่ เราก็ยังสามารถเอาสินทรัพย์เหล่านั้นไปหารายได้เพิ่มได้ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Liquid Staking Derivatives (LSD) ด้วยคอนเซปต์นี้ จะเห็นได้ว่า LSD มีความสำคัญและทำอะไรได้หลายอย่างกว่าเพียง...

ซาอุฯ หวั่นความร่วมมือกับจีนด้าน AI อาจทำสหรัฐจำกัดสิทธิเข้าถึงชิป

ความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างจีนกับซาอุดีอาระเบีย ทำให้เกิดความกังวลว่า ซาอุดีอาระเบียอาจถูกจำกัดไม่ให้เข้าถึงชิปสหรัฐ ที่เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างเทคโนโลยีใหม่

Time Value of Money เมื่อ 1,000 ในวันนี้ มีค่ามากกว่า 1,000 ในวันหน้า

ลองนึกภาพว่าตามดูนะ สมมุติคนมาถามคุณ ว่าคุณอยากจะได้เงิน 1,000 ดอลลาร์ตอนนี้ หรืออยากได้ 1,000 ดอลลาร์ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า คนส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกรับเงินมันตอนนี้เลย ว่าแต่มันเป็นเพราะอะไรกัน ?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง | RELATED NEWS

ทำความรู้จัก THENA (THE) โปรเจกต์ DEX บน BNB

THENA คืออะไร Thena (THE) คือ Decentralized Exchange (DEX) บนเครือข่าย BNB Chain โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ดังนี้ THENA: เป็น Spot DEX ที่สามารถ Swap, ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล และสร้าง Passive Income ได้ ALPHA: เป็น...

BINANCE TH เปิดให้เทรด Thena (THE) ได้แล้ววันนี้ ที่แรกและที่เดียวในไทย!

BINANCE TH ประกาศเปิดให้นักเทรดคริปโตไทยสามารถซื้อขาย Thena (THE) ได้แล้ววันนี้ (9 ธันวาคม 2024) โดยเปิดคู่เทรด 4 คู่ ดังนี้ THE/BNB, THE/BTC, THE/FDUSD, THE/USDT และยังสามารถเทรดผ่าน Easy Buy/Sell ด้วยเงินบาทได้ด้วย เรียกว่าอำนวยความสะดวกให้เทรดเดอร์คริปโตไทยกันสุด ๆ  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.binance.th/th/announcement/new-cryptocurrency-listing%7Cdelisting/8a637343e6a7451bb30f786d235dbf8f  ทั้งนี้...

ทำความรู้จัก Usual (USUAL) ผู้ออก Stablecoin แบบ Decentralized

Usual (USUAL) เป็นผู้ออก Fiat Stablecoin (Stablecoin ที่ผูกกับค่าเงิน Fiat) แบบ Decentralized โดย ที่ให้ผู้ถือ USUAL ได้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของและการกำกับดูแลโปรเจกต์ด้วย ขณะเดียวกัน USUAL ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนแบบ Multi-Chain ซึ่งรวมสินทรัพย์โลกจริง (RWA) ที่ถูกทำเป็นโทเคนจากบริษัทดัง ๆ มากมาย เช่น BlackRock,...

ทำความรู้จัก THENA (THE) โปรเจกต์ DEX บน BNB

THENA คืออะไร Thena (THE) คือ Decentralized Exchange (DEX) บนเครือข่าย BNB Chain โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ดังนี้ THENA: เป็น Spot DEX ที่สามารถ Swap, ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล และสร้าง Passive Income ได้ ALPHA: เป็น...

BINANCE TH เปิดให้เทรด Thena (THE) ได้แล้ววันนี้ ที่แรกและที่เดียวในไทย!

BINANCE TH ประกาศเปิดให้นักเทรดคริปโตไทยสามารถซื้อขาย Thena (THE) ได้แล้ววันนี้ (9 ธันวาคม 2024) โดยเปิดคู่เทรด 4 คู่ ดังนี้ THE/BNB, THE/BTC, THE/FDUSD, THE/USDT และยังสามารถเทรดผ่าน Easy Buy/Sell ด้วยเงินบาทได้ด้วย เรียกว่าอำนวยความสะดวกให้เทรดเดอร์คริปโตไทยกันสุด ๆ  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.binance.th/th/announcement/new-cryptocurrency-listing%7Cdelisting/8a637343e6a7451bb30f786d235dbf8f  ทั้งนี้...

ทำความรู้จัก Usual (USUAL) ผู้ออก Stablecoin แบบ Decentralized

Usual (USUAL) เป็นผู้ออก Fiat Stablecoin (Stablecoin ที่ผูกกับค่าเงิน Fiat) แบบ Decentralized โดย ที่ให้ผู้ถือ USUAL ได้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของและการกำกับดูแลโปรเจกต์ด้วย ขณะเดียวกัน USUAL ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนแบบ Multi-Chain ซึ่งรวมสินทรัพย์โลกจริง (RWA) ที่ถูกทำเป็นโทเคนจากบริษัทดัง ๆ มากมาย เช่น BlackRock,...

นักวิเคราะห์คาด Bitcoin ยังไม่ ATH เร็ว ๆ นี้ หลังความเชื่อมั่นตลาดพุ่งสูงเกิน

Santiment แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล Onchain เปิดเผยว่า Bitcoin ไม่น่าจะทำ All-Time High เร็ว ๆ นี้ เพราะต้องรอให้ตลาดลดความคาดหวังลงก่อน หลังความเชื่อมั่นใจตลาดคริปโตอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน Santiment ระบุว่า ข้อมูลความเชื่อมั่นต่าง ๆ บนโซเชียลในตอนนี้ มีโพสต์ที่เป็น Bullish ต่อ Bitcoin 1.8 โพสต์ ต่อโพสต์ที่เป็น...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเ