KEY TAKEAWAYS
- สีที่แตกต่างกัน ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์
- สีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ สงบ เย็น ผ่อนคลาย อัตราการเต้นหัวใจและความดันโลหิตลดลง
- สีเขียว ให้ความรู้สึกสงบ หลายคนเชื่อว่าสีเขียวมีคุณสมบัติในการรักษาสภาพจิตใจได้ด้วย
- สีเหลือง ให้ความรู้สึกถึงความสุข ความร่าเริง และเกี่ยวข้องกับสติปัญญา
- สีแดง ให้ความรู้สึกอบอุ่น อันตราย ความร้อนแรง อำนาจ และเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านลบของตลาดจนเกิดสำนวนหลายสำนวน เช่น be in the red, red flags และ red herring
- อาจปรับสีที่สำคัญไปให้แสดงผลข้อมูลที่เราควรโฟกัส ส่วนข้อมูลอื่นๆ ควรเป็นโทนสีเย็น เพื่อไม่ให้แย่งความสนใจ หรืออาจเปลี่ยนสีกระดานเทรดเป็นสีขาวดำเพื่อไม่ให้สีส่งผลกระทบต่อเรา
สำหรับนักลงทุน เป็นที่รู้กันดีว่าอารมณ์และสภาพจิตใจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการซื้อขายของเราอย่างมาก มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่ออารมณ์ รวมถึงปัจจัยเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามอย่าง ‘สี’
แท่งเทียนสีเขียว แดง ขาว หรือดำบนกราฟ อาจส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนมากกว่าที่คิด
สีส่งผลต่อความรู้สึกอย่างไรบ้าง
สีเป็นภาษาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์และความหมาย ชีวิตของเราได้รับอิทธิพลจากสีอยู่บ้าง เมื่อเรามองดูสีสมองก็จะเปลี่ยนสีต่างๆ นั้นเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วย
เช่นเดียวกับที่สีในกราฟความเคลื่อนไหวราคาคริปโต (หรือหุ้น หรือราคาอะไรก็ตามแต่) ปกติแล้วกราฟจะอยู่บนพื้นหลังสีขาวหรือดำ มีแท่งสีเขียวเมื่อราคาขึ้น และแท่งสีแดงเมื่อราคาลง
แต่หากเราลองนำกราฟการเคลื่อนไหวของราคาช่วงหนึ่งมาเปลี่ยนเป็นกราฟหนึ่งสีแดงล้วน และอีกกราฟเป็นสีเขียวล้วน ผลสำรวจพบว่าคนส่วนใหญ่รู้สึกว่ากราฟสีแดงให้ความรู้สึกว่าราคาแย่กว่าสีเขียว แม้ว่ากราฟทั้งสองจะมีความเคลื่อนไหวของราคาเหมือนกัน
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งไมอามี่ (University of Miami) และมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเมธอดิสต์ (Southern Methodist University) ได้เผยแพร่งานวิจัยในปี 2017 ที่พบว่าในการซื้อหุ้นหรือการลงทุน และการตัดสินใจทางการเงินอื่นๆ สีแดงอาจส่งผลกระทบให้เรารู้สึกว่าต้องหยุด ในขณะที่สีเขียวทำให้เรารู้สึกว่าไปต่อ
รายงานเรื่อง In the Red: The Effects of Color on Investment Behavior กล่าวว่า “การตัดสินใจทางการเงินเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับสี และการรับรู้สีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเรา” และหากกราฟแสดงเป็นสีแดง โอกาสที่นักลงทุนกล้าจะเสี่ยงในการลงทุนก็จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
สีหลักทางจิตวิทยาสากล
อันที่จริงแล้วผลกระทบจากสีเกิดจากความชอบส่วนบุคคลและการเชื่อมโยงกับประสบการณ์ก่อนหน้าที่แต่ละคนผ่านมา เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงชอบสีแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ก็มีสีหลักที่มีความสัมพันธ์ทางจิตวิทยาสากลอยู่บ้าง ได้แก่ น้ำเงิน เขียว เหลือง และแดง
สีน้ำเงิน : ให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ สงบ เย็น ผ่อนคลาย อัตราการเต้นหัวใจและความดันโลหิตลดลง อาจเพราะสีน้ำเงินทำให้เรานึกถึงท้องฟ้า หรือน้ำทะเล งานวิจัยบางชิ้นบอกว่าสีน้ำเงินและสีเทาทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้สีน้ำเงินก็ยังเชื่อมโยงกับความรู้สึกหม่นหมองได้ด้วย เพราะฉะนั้นหากเราตกอยู่ในสถานการณ์การขาดทุนจำนวนมาก (หรือสถานการณ์แย่ๆ อื่นๆ) ควรหลีกเลี่ยงการตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสีน้ำเงินมากๆ
สีเขียว : ให้ความรู้สึกสงบ อาจเป็นเพราะมันทำให้เราเชื่อมโยงถึงสีเขียวถึงธรรมชาติ หลายคนเชื่อว่าสีเขียวมีคุณสมบัติในการรักษาสภาพจิตใจได้ด้วย เป็นเหตุผลว่าทำไมนักแสดงหลายคนจึงนั่งอยู่ในห้องสีเขียวก่อนที่จะไปออกรายการทีวี เพราะมันช่วยทำให้จิตใจสงบได้ ทั้งนี้ระหว่างการลงทุนและเทรด เราต้องการสภาพจิตใจที่เสถียรมากที่สุดเพื่อตัดสินใจ ดังนั้นการสร้างความรู้สึกจากความสงบเงียบของสีเขียวจึงเป็นเงื่อนไขในอุดมคติ
สีเหลือง : ให้ความรู้สึกถึงความสุข ความร่าเริง ความหวัง และเกี่ยวข้องกับสติปัญญา ทำให้เกิดการกระตือรือร้นที่จะอยากรู้อยากเห็น การมองโลกในแง่ดี แต่สีเหลืองก็กระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองและกระตุ้นความรู้สึกโกรธได้เช่นกัน อาจเป็นเพราะเมื่อปริมาณแสงในสีเหลืองมีเยอะ เมื่อดวงตาจ้องมากเกินไปก็ทำให้เกิดการล้าได้ จึงไม่เหมาะกับการเป็นสีพื้นหลัง แต่อาจเหมาะกับการเป็นสีของห้องเทรด (สำหรับสายเทรด)
สีแดง : เป็นสีที่ส่งผลกระทบเยอะมาก มันแสดงถึงความรู้สึกอบอุ่น โกรธ ท้าทาย อันตราย ความร้อนแรง ความหลงใหล และยังอาจหมายถึงอำนาจได้ด้วย มีงานวิจัยถึงผลกระทบจากสีแดงเยอะมาก เช่น การทดลองนำคำที่แยกตัวอักษรแล้ววางสลับกัน ตัวอักษรที่วางในพื้นหลังสีแดงจะแก้ได้ยากกว่าที่วางในพื้นสีฟ้า ส่วนหากเป็นในวงการกีฬา นักกีฬาที่อยู่ในฝั่งสีแดงก็มีโอกาสที่จะชนะมากกว่าฝั่งน้ำเงิน
นักวิจัยคาดการณ์ว่าความรู้สึกที่เกิดจากสีเป็นการเรียนรู้ทางชีววิทยาและวัฒนธรรม “สีแดง เป็นสีของปรากฏการณ์ที่เป็นอันตรายอย่างเป็นกลางหลายอย่างที่มนุษย์พบในสังคมยุคแรกๆ เช่น เลือดหรือไฟ และหากเราโกรธหรือกำลังจะต่อสู้ผิวของเราก็จะแดงจากการที่ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนพุ่งสูงขึ้น นั่นจึงทำให้เราเชื่อมโยงสีแดงกับความโกรธ”
สีแดงยังสามารถเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งอาจทำให้เกิดความตื่นเต้น หมายความว่าหากมีสีแดงมากเกินไปอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลได้ นั่นทำให้เราตระหนกเมื่อเห็นสีแดงในกระดานเทรด
ในโลกการเงิน สีแดงเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านลบของตลาดอย่างแท้จริง หลักฐานก็คือมีสำนวนหลายสำนวนที่เกี่ยวกับสีแดง เช่น be in the red (เป็นหนี้), red flags (ธงแดง: สิ่งที่ดูพิรุธหรือดูน่าสงสัย) และ red herring (สิ่งซึ่งล่อให้หลงทาง หรือดึงความสนใจให้หันเหไปจากประเด็นหลัก ถ้าเป็นในนิยายสืบสวนนักเขียนก็จะหลอกให้เชื่อว่านาย A คือผู้ร้าย แล้วมาเฉลยตอนจบว่านาย B ต่างหากคือผู้ร้ายตัวจริง นาย A ก็จะเป็น red herring)
แต่ทั้งนี้สีแดงไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อคนตาบอดสีและชาวจีน เพราะในวัฒนธรรมจีน สีแดงคือสีแห่งความเป็นมงคล การมองเห็นสีแดงไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้ชาวจีน ตลาดหุ้นในประเทศจีนจึงแสดงราคาขึ้นด้วยสีแดง และราคาลงด้วยสีเขียว
ควรใช้สีในกระดานเทรดอย่างไร
สีแต่ละสีสามารถมีผลในเชิงบวกและเชิงลบต่อจิตวิทยาของเรา สิ่งนี้ถูกกำหนดโดยบุคลิกภาพและประสบการณ์ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนได้
เราอาจใช้สีเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจที่ดีขึ้นระดับหนึ่งบนกระดานเทรดของเรา ปรับเปลี่ยนสีที่สำคัญไปให้แสดงผลข้อมูลที่เราควรโฟกัส ส่วนข้อมูลอื่นๆ ที่เอาไว้ดูประกอบการพิจารณาการลงทุนควรเป็นโทนสีเย็นหรือเป็นกลาง เพื่อไม่ให้แย่งความสนใจจากจุดที่เราโฟกัส
แต่หากไม่อยากให้สีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจก็เปลี่ยนการตั้งค่าบนแพลตฟอร์มให้เป็นขาวดำเสียเลย แล้วก็พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ในการตัดสินใจเพื่อลงทุนแทน
เพียงแค่เรื่องสี ซึ่งดูเหมือนมันจะเป็นปัจจัยเล็กๆ ที่แทบไม่ได้ส่งผลอะไรกับพอร์ตการลงทุนของเราเลย แต่อย่างที่อธิบายมาแล้วนั้นว่ามันมีผลกระทบอยู่บ้าง แม้ไม่มาก แต่ในเรื่องการลงทุนที่เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ การเพิ่มโอกาสเพียงแค่ 1% ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนในการสร้างกำไรมหาศาลได้ เพราะฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลย
References : Business.ku.edu, Youtube(1), Youtube(2), Duomoinitiative.medium, Royalbank