KEY TAKEAWAYS
- บางคนมองว่าการผ่อนเป็นการวางแผนการเงินที่ไม่ดี แต่อันที่จริงมันก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาข้อดีข้อเสียต่างๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน
- อย่างแรกที่ต้องพิจารณาคือเงินเฟ้อ เนื่องจากอำนาจซื้อของเงินที่เราถืออยู่ลดลงทุกปี หากอำนาจซื้อลดลงมากกว่าดอกเบี้ยผ่อน ก็ควรผ่อนมากกว่าซื้อเงินสด เพื่อรักษาอำนาจซื้อ แล้วนำเงินสดนั้นไปทำอย่างอื่นเช่นการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่ม
- สิ่งที่เห็นได้เด่นชัดอีกประการคือการทุ่มเงินเก็บเพื่อซื้อของชิ้นใหญ่ อาจจะทำให้เราเสี่ยงต่อการใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น หากผ่อนเราก็สามารถสำรองเงินสดไว้ใช้จ่ายส่วนที่จำเป็นได้
คุณกําลังคิดที่จะซื้อบ้าน แต่ไม่แน่ใจว่าควรจ่ายเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนอยู่หรือไม่?
นี่เป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่หลายคนต้องเผชิญ มีคนบางคนบอกว่าคนไทยส่วนมากชอบซื้อเงินผ่อนไม่เหมือนคนในประเทศอื่นๆ แต่อันที่จริงเรื่องการผ่อนเป็นเรื่องปกติในต่างประเทศเช่นกัน สิ่งสําคัญคือต้องชั่งน้ําหนักข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจ
ในบทความนี้เราจะสํารวจว่าทําไมการซื้อของแบบเงินผ่อนแทนเงินสดจึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดกว่า
เคยมีคำกล่าวว่า ระบบการเงินถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนส่วนมากทำงาน ทำงานผ่อนธนาคารไปโดยตลอด และเสพติดกับระบบนั้น เป็นระบบที่ถูกสร้างขึ้นโดยเจตนา ไม่ใช่สิ่งผิดพลาดแต่ประการใด ถึงแม้สิ่งนี้อาจเป็นความจริงแต่ก็ไม่ได้เสียหายสักทีเดียว
หน่วยงานด้านการเงินเช่นธนาคาร มีเงินเหลือจำนวนมาก เงินจำนวนมากเหล่านั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ธนาคารทำธุรกิจ หรือก็คือการปล่อยกู้นั่นเอง และเหล่าเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ก็กู้กันเป็นปกติ เพื่อนำมาลงทุน มาสร้างธุรกิจ นำเงินไปต่อเงิน แม้ทุกคนจะไม่มีใครชอบดอกเบี้ย แต่การกู้ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อสร้างโอกาส สร้างรายได้ แทนที่จะมาสะสมเงินสดและพลาดโอกาสไป
เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีเงินสดมากพอที่จะซื้อของชิ้นใหญ่ โดยที่ไม่ต้องผ่อน ตอนนั้นคือเราอาจจะเริ่มมีอิสระการทางการเงิน มีเงินเก็บ ก็เป็นเรื่องน่ายินดี ที่สามารถนำตัวเองขึ้นจากระบบการเงิน ที่ออกแบบมาให้เราทำงานเพื่อเงิน การจะเอาตัวเองออกจากระบบที่ออกแบบมานั้น สิ่งที่สำคัญที่เราควรรู้คือพื้นฐานการเงิน และการบริหารการเงินส่วนบุคคล
แม้ตอนนี้คนส่วนใหญ่ยังไม่อยู่ในจุดที่เรียกว่ามีอิสระทางการเงิน การผ่อนก็เป็นสิ่งที่กระทำกันทั้งโลก ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย เอาล่ะ มาดูกันว่าข้อดีของการผ่อนมีอะไรบ้าง
เงินเฟ้อ
ประการแรกคือเรื่องของอำนาจในการซื้อ เพราะเงินเฟ้อทำให้เงินในมือเรามีอำนาจซื้อลดลงทุกปี จึงควรต้องพิจารณาเรื่องปริมาณดอกเบี้ย ถ้าหากดอกเบี้ยน้อย เทียบกับอัตราเงินเฟ้อ ก็ควรผ่อน
เช่น ถ้ามีเงินดอลล่าร์ สมมติอัตราเฟ้อจริงอยู่ที่ 6-10% หมายความว่าอำนาจซื้อเราลดลงประมาณ 5-8% ทุกปี และดอกเบี้ยกู้อยู่ที่ 3-5% หมายความว่า เราอาจจะควรผ่อนมากกว่าซื้อเงินสด และนำเงินมาลงทุน เพื่อรักษาอำนาจซื้อของเราไว้ เราควรเก็บเงินที่มีอำนาจซื้อลดลงแบบนี้ไปผ่อน มากกว่าจ่ายสด เพราะเงินผ่อนมีอัตราที่สามารถคำนวณและควบคุมได้ ส่วนเงินเฟ้อเราไม่มีสิทธิมีเสียงนั่นเอง
คือมันไม่มีชี้ขาดว่าควรจ่ายสด หรือควรผ่อนมากกว่า เราต้องพิจารณาเป็นกรณีไป แต่เราต้องเข้าใจเรื่องเงินเฟ้อ และอำนาจในการซื้อของเงินที่เราถืออยู่ เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยแล้วเป็นอย่างไร
โอกาสในการลงทุน
การจะนำตัวเองออกจากระบบการเงินที่พูดถึงไปนั้น เราจำเป็นต้องเข้าใจในเกมที่เรากำลังเล่นอยู่ และการลงทุนคือทางออกจากเกมการเงินนั้นเอง
การผ่อนจะช่วยให้เรามีกระแสเงินสดคงเหลือ ที่สามารถนำมาแบ่งลงทุนและสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ แม้การลงทุนหลายอย่างจะมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลย อาจจะมีความเสี่ยงในระยะยาวมากกว่าหรือไม่?
เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
ต่อมาเราต้องทำความเข้าใจก่อน ว่าการผ่อนเป็นการสำรองเงินสด การเอาเงินออมทั้งหมดไปซื้อของชิ้นใหญ่เพียงครั้งเดียว (เช่น บ้าน) อาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินตามมาได้ แต่หากเรามีเงินสำรอง ก็เป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน สามารถนำไปใช้จ่ายกับส่วนที่สำคัญอื่นๆ เช่น การศึกษา สถานการณ์ฉุกเฉิน ยกตัวอย่างเช่นโควิด-19 ที่ผ่านมา หากเราไม่มีเงินสำรองไว้เลย ก็อาจจะประสบปัญหาได้
ผลประโยชน์อื่นๆ
นอกจากนี้ในกรณีของการผ่อนบ้าน มันยังมีข้อดีของการผ่อนอื่นๆ อยู่อีกบ้าง เช่น อัตราดอกเบี้ยต่ำเมื่อเทียบกับเงินกู้ประเภทอื่นๆ หรือเมื่อกู้ซื้อเราก็อาจซื้อบ้านในราคาที่แพงขึ้นและดีขึ้นได้ รวมถึงในบางประเทศยังสามารถเอาดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านไปหักลดหย่อนภาษีประเภทอื่นๆ ได้ เช่น ภาษีเงินได้ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ภาระภาษีลดลง
เหล่านี้คือประโยชน์ของการผ่อน ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหลายๆ คน และก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายจนต้องหลีกเลี่ยงให้ไกล ฉนั้นการผ่อนก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่อาจพิจารณาทำได้ ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียให้ละเอียดถี่ถ้วนนั่นเอง