KEY TAKEAWAYS
- NFT อาจไม่ได้เป็นเพียงของสะสมดิจิทัลหรือการเก็งกำไรเท่านั้น แต่มันอาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรายได้ของบางอาชีพอย่าง Photojournalist
- Stock Platform ในปัจจุบันเช่น Getty, Alamy, และ Shutterstock เก็บค่าธรรมเนียมจากช่างภาพมากถึง 60 – 85% ในขณะที่แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT อย่าง OpenSea เก็บค่าธรรมเนียมเพียง 2.5%
- แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ใน Web3 จะทำให้ช่างภาพมีอิสระที่จะตั้งเงื่อนไขต่างๆ แก่งานของตัวเองได้ เช่น การตั้งราคา การกำหนดเวลาในการใช้ลิขสิทธิ์ภาพ รวมถึงทำให้มีการตรวจสอบสิทธิ์การใช้ภาพได้อย่างโปร่งใส
ในปัจจุบัน NFT หรือ Non-Fungible Token มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมคริปโต แต่ส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่แค่งานศิลปะที่ซื้อขายเพื่อเก็งกำไร แต่งานวิจัยล่าสุดได้เปิดมุมมองศักยภาพของ NFT ขึ้นอีก ด้วยการที่มันสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงอนาคตของ Photojournalist หรือก็คืออาชีพช่างภาพที่ถ่ายภาพสำหรับการทำข่าวโดยเฉพาะ โดยการนำเอาจุดเด่นเรื่องลิขสิทธิ์ดิจิทัลมาใช้ และตัดตัวกลางที่ทำให้ช่างภาพได้รายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นออกไป
แล้วมันจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของ Photojournalist อย่างไร?
ก่อนอื่นก็คงต้องมาพูดถึงช่องทางทำเงินของช่างภาพในปัจจุบันกันเสียก่อน หนึ่งในช่องทางการสร้างรายได้ของช่างภาพก็คือการเป็น ‘ช่างภาพ Stock Photo’ ซึ่งเป็นการนำเอาภาพที่เราถ่ายไปฝากขายกับตัวกลางที่เรียกว่า stock platform, เว็บไซต์ อย่าง Getty, Alamy, และ Shutterstock อันที่จริงก็ไม่เพียงแค่ภาพถ่ายอย่างเดียวที่ขายได้ แต่รวมไปถึงวิดีโอหรือแม้กระทั่งพวกรูปการ์ตูนที่เราวาดขึ้น
แพลตฟอร์มเหล่านี้ก็จะเป็นตัวกลางเชื่อมงานของช่างภาพเข้ากับลูกค้า ลูกค้าก็จะเข้ามาซื้อภาพเพื่อไปใช้ในงานตีพิมพ์หรืองานต่างๆ เมื่อลูกค้าซื้อภาพไป รายได้ก็จะถูกแบ่งให้กับแพลตฟอร์มและเจ้าของภาพ แต่รายได้มากถึง 85% จะเป็นของแพลตฟอร์ม และช่างภาพจะได้รับค่าลิขสิทธิ์เพียงเล็กน้อย เฉลี่ยก็คือ 0.42 ดอลลาร์ ต่อการซื้อหนึ่งภาพหนึ่งครั้ง (ค่าเฉลี่ยคำนวณจากข้อมูลปี 2021 จาก Shutterstock Investor Report)
แต่ไม่ใช่ว่าภาพที่เราสร้างขึ้นมาหนึ่งภาพจะได้รับค่าตอบแทนเพียง 0.42 ดอลลาร์เท่านั้น เพราะภาพของเรานั้นจะยังสามารถถูกซื้อซ้ำได้อีก หากมีลูกค้าชอบภาพของเรามาก ซื้อมาก เราก็จะยิ่งได้ค่าลิขสิทธิ์มาก แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเราได้รับส่วนแบ่งไม่มากเลย การจะได้รายได้เยอะก็คือต้องขายภาพหลายๆ ภาพ หลายๆ ครั้ง หากหวังจะได้รับรายได้ก้อนใหญ่จากการขายภาพหนึ่งภาพใน stock platform นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่การขายภาพนอก stock platform และได้เงินก้อนใหญ่เลยนั้นเป็นไปได้
ตัวอย่างเช่นในปีที่แล้ว ชายคนหนึ่งขายวิดีโอที่เขาถ่ายการจลาจลซึ่งเกิดขึ้นที่รัฐสภาสหรัฐฯ ให้กับสำนักข่าว CNN และ NBC สำนักข่าวละ 35,000 ดอลลาร์ แล้วเขายังขายวิดีโออันเดียวกันนี้ให้กับสำนักข่าวอื่นอีก เอาเป็นว่าการถ่ายวิดีโอเดียวทำให้ได้เงินก้อนเปลี่ยนชีวิตเลยทีเดียว แต่ถ้าชายคนนี้เอาวิดีโอดังกล่าวไปฝากขายใน stock platform เขาจะไม่ได้รายได้จากที่ไหนใกล้เคียงกับ 35,000 ดอลลาร์เลย
อ่านมาถึงตรงนี้ก็เหมือนจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว ใช่แล้วล่ะ ถ้าตัดปัญหาเรื่องตัวกลางไปได้ ช่างภาพก็สามารถที่จะได้รับค่าลิขสิทธิ์ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยทีเดียว ลองเปรียบเทียบส่วนแบ่งที่ช่างภาพต้องแบ่งให้แพลตฟอร์มแต่ละเจ้ากันบ้าง Shutterstock แบ่งค่าลิขสิทธิ์ไป 60-85%, Getty แบ่งไป 60-85% และ Alamy แบ่งไป 50-80% ส่วนในแพลตฟอร์มขาย NFT อย่าง Opensea เก็บค่าธรรมเนียมเพียง 2.5% เท่านั้น
การก้าวเข้าไปยังโลกของ NFT จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรายได้ของช่างภาพอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะเน้นกล่าวไปถึง Photojournalist หรือ ช่างภาพที่ถ่ายภาพข่าวที่จะนำไปตีพิมพ์ในวารสาร หรือสำนักข่าว เพราะตลาดมีความต้องการสูง โดยตลาด NFT จะทำให้ช่างภาพสามารถสร้างรายได้ต่อชิ้นงานเพิ่มมากขึ้นตามความสำคัญของภาพนั้นๆ
การก้าวเข้าสู่ NFT และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
Stock Platform ในปัจจุบัน นอกจากจะหักค่าลิขสิทธิ์ที่แพงแล้ว ยังไม่ได้ให้อิสระแก่ช่างภาพเท่าที่ควร แม้กระทั่งการตั้งราคาตามความพอใจของช่างภาพก็ไม่สามารถทำได้ แต่ในแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ใน Web3 ช่างภาพมีอิสระที่จะตั้งเงื่อนไขต่างๆ แก่งานของตัวเองได้ เช่น การตั้งราคา การกำหนดเวลาในการใช้ลิขสิทธิ์ภาพ การเพิ่มค่าลิขสิทธิ์จากการขายต่อ ฯลฯ
การวางงานภาพลงขายบนแพลตฟอร์ม Web3 ยังให้ความโปร่งใสแก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย อีกทั้งเทคโนโลยีเบื้องหลัง NFT ที่เอาไว้ยืนยันความเป็นโทเค็นชิ้นเดียวในโลกนั้น ก็สามารถที่จะเอามาเป็นลิขสิทธิ์ดิจิทัลได้ การตรวจสอบการใช้ลิขสิทธิ์รูปภาพก็จะถูกต้องและโปร่งใสมากขึ้น
หากวงการภาพถ่ายวารสารก้าวเข้ามาใช้ศักยภาพของ NFT จะทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายเพิ่มเข้ามาในตลาด NFT อีกหลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี และในจำนวนเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์นี้จะถูกส่งไปเป็นค่าธรรมเนียมของแพลตฟอร์มเพียงแค่ประมาณ 2.8 ล้านดอลลาร์เท่านั้น (หรืออาจจะประมาณ 21 ล้านดอลลาร์จากแพลตฟอร์มที่เก็บค่าธรรมเนียม 15% อย่าง SuperRare) แต่รายได้ที่เหลือกว่า 85% จะตกเป็นของช่างภาพทั้งหมด ซึ่งนับว่าเยอะกว่าที่ stock platform ในปัจจุบันจะจ่ายให้เยอะมาก
ปัจจุบันแพลตฟอร์มอย่าง OpenSea เป็นพื้นที่สำหรับการซื้อขาย NFT อยู่แล้ว การเพิ่มส่วนที่ทำให้ช่างภาพสามารถกำหนดลิขสิทธิ์สำหรับใช้งานในบทบรรณาธิการไม่ยากเลย แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันก็มีแพลตฟอร์ม stock photography สำหรับ NFT เกิดขึ้นมาบ้างแล้ว เช่น Photocentra เป็นต้น
นี่อาจเป็นเพียงแนวคิดเริ่มต้นเท่านั้น แต่เราก็พอมองเห็นศักยภาพที่ซุกซ่อนอยู่ใน NFT ที่หลายคนมองว่าเป็นเพียงของสะสมสำหรับเก็งกำไรเท่านั้น ถ้าหากยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตสิ่งนี้อาจจะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอีกหลายอาชีพทีเดียว
References : Messari, Nftnewstoday, Theverge