KEY TAKEAWAYS
- ซีเซียม-137 ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ์ จ. ปราจีนบุรี แต่ทางการได้หาเจอแล้ว ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื่องสารกัมมันตรังสีที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน
- ในอดีตมีเหตุการณ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับซีเซียม-137 อยู่บ้าง บทความนี้ได้รวบรวมมาให้อ่าน 3 เหตุการณ์ โดยภัยพิบัติเชอร์โนบิลเป็นเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต
- ส่วนเหตุการณ์ในเมืองโกยาเนีย ประเทศบราซิล ปี 1987 มีสถานการณ์คล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่เกิดที่ไทยมากที่สุด คือเป็นส่วนเล็กๆ ที่หายไป ก่อนรังสีจะถูกปล่อยออกมาจำนวนมากจนส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่บริเวณนั้น
ช่วงนี้ข่าวที่ประชาชนจับตามองมากที่สุดก็คือ ‘ซีเซียม-137’ ที่หายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ใน อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรีตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 มีนาคม เรื่องที่น่ายินดีคือเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาหาเจอแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เมื่อมีบางสำนักข่าวรายงานออกมาว่า ซีเซียม-137 ที่หายไปนั้นถูกหลอมเรียบร้อยแล้วในอ.กบิณบุรีย์ จ.ปราจีนบุรี หากเป็นเช่นนั้นจริง นี่คือเรื่องที่น่ากังวลมากทีเดียว
ซีเซียม-137 เมื่อสลายตัวจะปล่อยรังสีแกมม่าและบีต้าออกมา และซีเซียม-137 นี้มีครึ่งชีวิต 30.1 ปี ซึ่งนั่นหมายความว่าต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆ ปีเลยทีเดียวถึงจะหยุดแผ่รังสี และเจ้ารังสีพวกนี้เป็นอันตรายต่อมนุษย์ทั้งจากการสัมผัสโดยตรง การหายใจ หรือการกินอาหารที่ได้รับการปนเปื้อนผ่านดิน น้ำ อากาศ หากได้รับปริมาณมาก รังสีแกมม่าบีต้าจะส่งผลต่อ DNA ทำให้เกิดการกลายพันธ์ุ (Mutation) ถ้าไม่ตายก็อาจเป็นมะเร็ง ในพื้นที่เสี่ยงจะมีคนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและไทรอยด์เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ในประวัติศาสตร์มีโศกนาฏกรรมที่เกี่ยวข้องกับซีเซียม-137 อยู่บ้าง เรายกมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ 3 เหตุการณ์
ภัยพิบัติเชอร์โนบิล (Chernobyl) ตอนเหนือของประเทศยูเครน ปี 1986
นี่เป็นเหตุการณ์ที่โด่งดังมาก คือภัยพิบัติเชอร์โนบิล (Chernobyl) ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1986 บริเวณทางตอนเหนือของประเทศยูเครน ทำให้มีการกระจายของสารปนเปื้อนกัมมันตรังสีไปไกลถึงประเทศเบลารุส รัสเซีย ยูเครน และมีรายงานว่าอาจไปไกลได้ถึงสวีเดน ซึ่งห่างไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว มีผู้เสียชีวิตทันที 31 ราย เสียชีวิตจากมะเร็งซึ่งเกิดจากการสัมผัสกัมมันตภาพรังสี 4,000 รายและได้รับผลกระทบระยะยาวกว่า 600,000 ราย นี่เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต คาดว่าสร้างความเสียหายประมาณ 2.35 แสนล้านดอลลาร์
แต่ทั้งนี้เหตุการณ์นี้รุนแรงมากเพราะเป็นการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ของไทยเป็นแท่งทรงกระบอก เส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว หนัก 25 กิโลกรัม แต่ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่อันตราย
อุบัติเหตุโรงงานเหล็ก Acerinox เมืองลอส บาริออส ประเทศสเปน ปี 1998
อีกเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไหร่นักคืออุบัติเหตุโรงงานเหล็ก Acerinox ในเมือง ลอส บาริออส ประเทศสเปน เมื่อปี 1998 ครั้งนี้ก็ปล่อยกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ออกมาจำนวนมากเช่นกัน เหตุการณ์นี้เกิดจากภาชนะบรรจุซีเซียม-137 ซึ่งใช้ในกระบวนการถ่ายภาพกัมมันตรังสีเพื่อตรวจสอบเหล็ก คนงานในโรงงานทำมันตกแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นสารกัมมันตภาพรังสีก็แพร่กระจายไปทั่วบริเวณรอบๆ โรงงาน ทำให้ดิน พืช และแหล่งน้ำปนเปื้อน ทางการสเปนก็ตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว โดยอพยพผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงและเริ่มกำจัดการปนเปื้อน
แต่แม้จะมีการกำจัดการปนเปื้อน แต่อุบัติเหตุนี้ก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ มีการคาดการณ์ว่าอาจมีคนมากถึง 1,000 คนที่ได้รับสารกัมมันตภาพรังสี คาดการณ์ว่าใช้งบประมาณจากการกำจัดการปนเปื้อนและสูญเสียผลผลิตจากโรงงานประมาณ 26 ล้านดอลลาร์ เหตุการณ์นี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดและข้อบังคับสำหรับการจัดการและการขนส่งวัสดุกัมมันตภาพรังสีในโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย
เหตุการณ์ในเมืองโกยาเนีย ประเทศบราซิล ปี 1987
ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองโกยาเนีย ประเทศบราซิลเมื่อปี 1987 จุดเริ่มต้นคือมีหัวขโมย 2 คนได้แก่ Roberto dos Santos Alves และ Wagner Mota Pereira ได้เข้าไปในโรงพยาบาลร้างเพื่อขโมยของมาขาย และพวกเขาก็เห็นสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีราคา คือเป็นกระป๋องทรงกระบอกแบบมีล้อ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าข้างในบรรจุสิ่งที่เรียกว่ากัมมันตรังสี-137 ซึ่งโรงพยาบาลใช้สำหรับเอ็กซเรย์
หัวขโมยทั้งสองได้นำเจ้าแท่งทรงกระบอกนี้มีผนังหุ้มด้วยตะกั่วและเหล็กนี้ไปที่บ้านของ Alves และแกะมันออกมาดูว่าข้างในมีอะไร ทันใดนั้นก็เกิดอาการวิงเวียนและท้องเสียจากพิษของรังสี Pereira มีรอยไหม้ที่มือ แต่ Alves ก็ยังแกะต่อไปจนกระทั่งแคปซูลออกจากแท่งทรงกระบอก พวกเขายังเอาไขควงจิ้มแคปซูลด้วย แล้วก็เห็นการเรืองแสงสีน้ำเงินเข้มจากภายใน ซึ่งเป็นการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ห้าวันหลังจากนั้น Alves ก็เอาแคปซูลไปขายที่โรงเก็บขยะ เมื่อคนรับซื้อเห็นแสงสีฟ้า ก็นึกว่าเป็นของมีค่า (หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ) เจ้าของโรงเก็บขยะชื่อ Devar Ferreira ยังเชิญเพื่อนและครอบครัวมาดูแสงสีฟ้าด้วย ไม่นานหลังจากนั้นภรรยาของเขาวัย 37 ปีก็ล้มป่วย พี่ชายของ Ferreira ก็นำสิ่งของที่ปนเปื้อนรังสีกลับบ้านไปให้ลูกสาววัย 6 ขวบด้วย นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่กระจายของรังสี
ภายใน 29 วันเหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นภัยพิบัติระดับ 5 ของระดับเหตุการณ์นิวเคลียร์นานาชาติ (the International Scale of Nuclear Events) ของ INES มีการนำดินชั้นบนออกจากพื้นที่เพราะมีการปนเปื้อน ทำให้บ้านหลายหลังพังทลายลง
ทางการบราซิลอพยพผู้คนกว่า 30,000 คนและปิดล้อมพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อควบคุมการปนเปื้อน ในท้ายที่สุดมีผู้เสียชีวิต 4 รายคือหัวขโมย 2 คน ลูกสาววัย 6 ขวบของพี่ชายเจ้าของโรงเก็บขยะ และภรรยาของเจ้าของโรงเก็บขยะ และอีกหลายคนประสบปัญหาด้านสุขภาพในระยะยาว คาดว่าใช้ต้นทุนในการกำจัดการปนเปื้อนประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้ก็เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนถึงอันตรายที่เกิดจากวัสดุกัมมันตภาพรังสีและความสำคัญของขั้นตอนการจัดการและกำจัดที่เหมาะสม
นี่คือ 3 เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ด้านสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยตอนนี้ใจชื้นได้อยู่บ้างว่าสำนักงานปรมาณูฯ ออกมายืนยันว่า ‘ฝุ่นแดงปนเปื้อนซีเซียม-137’ ในโรงหลอมเหล็กไม่มีการรั่วไหลออกไปภายนอก ไม่ฟุ้งกระจาย และตรวจรอบโรงหลอม รัศมี 5 กม. แล้วพบว่า ‘ดิน-น้ำ-อากาศ-คน’ ไม่มีการปนเปื้อน แต่อย่างไรก็ยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ต่างๆ
References: Todayinhistory, Facebook(1), Facebook(2), Europarl, World-nuclear, Wikipedia