KEY TAKEAWAYS
- พนักงาน 56% บอกว่าความวิตกกังวล และความเครียดส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา หนึ่งในปัจจัยที่มีผลมากก็คือ ‘หัวหน้ามีภาวะผู้นำแย่’
- ถ้าควบคุมการแสดงออกได้ไม่ดีพอ ทีมจะรับรู้ และความกังวลจะถูกส่งต่อไปให้ทีมในที่สุด
- ผู้นำพยายามอย่าเพิ่มความซับซ้อนให้กับทีม ด้วยการให้เขาต้องเดาว่าจะทำอะไรต่อไป
- ‘ความเครียดของคุณรังแต่จะเพิ่มความเครียดให้กับผู้อื่น’
- บางครั้งการมองโลกในแง่ร้าย สามารถทำให้เราสามารถที่จะตรวจจับความผิดปกติ วางแผนที่รอบคอบ ลดความเสี่ยง ลดโอกาสที่เกิดจากการตัดสินใจที่เต็มไปด้วย ego ลงได้
- Dale Carnegie เคยบอกไว้ว่า “เมื่อต้องติดต่อกับผู้คน จงจำไว้ว่าคุณไม่ได้จัดการกับสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยอารมณ์”
อย่างที่เรารู้กันดีว่าความเครียดนั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อการทำงานแต่อย่างใด มีข้อมูลการศึกษามากมายที่ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างในการศึกษาของ Anxiety Disorders Association of America (ADAA) ที่ชื่อ Stress & Anxiety Disorders Survey แบบสำรวจความเครียดและโรควิตกกังวล
ในปี 2006 พบว่า ‘พนักงาน 56% บอกว่าความวิตกกังวล และความเครียดส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา’
สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การ Burnout หรือ หมดไฟ และอาจนำไปสู่การลาออกได้ในท้ายที่สุด ซึ่งความเครียดในการทำงานนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายอย่าง แต่หนึ่งในปัจจัยที่มีผลมากก็คือ ‘หัวหน้ามีภาวะผู้นำแย่’
เรื่องนี้มาจากบทความชิ้นหนึ่งใน Harvard Business Review ที่ชื่อว่า 5 Ways Leaders Accidentally Stress Out Their Employees ของคุณ โทมัส ชามอร์โร-พรีมูซิช (Tomas Chamorro-Premuzic) ที่พูดถึง 5 วิธีที่หัวหน้าทำให้พนักงานเครียด โดยที่ตัวเองก็อาจจะไม่รู้ตัว
หัวหน้างานยิ่งในระดับที่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีผลต่อความรู้สึกของพนักงานมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านบวกหรือด้านลบ ดังนั้นการที่หัวหน้าต้องตระหนักว่าตัวเขาเองมีอิทธิพลต่อระดับความเครียดและความวิตกกังวลของพนักงานจึงเป็นหนึ่งในสกิลสำคัญของคนเป็นหัวหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสำคัญมาก… แต่มีหัวหน้าอีกหลายคนที่ไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้
บวกกับหลายครั้งคนที่เป็นหัวหน้ามักจะมั่นใจในภาวะความเป็นผู้นำของตัวเองมากเกินไป จนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างความสามารถที่แท้จริง กับความสามารถที่ตัวเองมี (ในกรณีนี้ก็คือ ภาวะความเป็นผู้นำ) ทำให้หัวหน้าบางคนมองข้ามเรื่องนี้ไป
ซึ่งนี่คือ 5 สิ่งที่หัวหน้าที่มีภาวะความเป็นผู้นำต่ำมักจะทำโดยไม่รู้ตัว และส่งผลต่อความเครียดของพนักงานโดยตรง
การใช้วิธีสื่อสารเชิงลบ
ในประเด็นนี้ไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้น เพราะมนุษย์เราใช้การสื่อสารในหลายรูปแบบ หรือ Nonverbal communication ก็คือ น้ำเสียง ท่าท่าง การแสดงออกต่างๆ เราได้เห็นเรื่องนี้ชัดขึ้นผ่านอุตสาหกรรมเทคที่เกี่ยวกับกับตรวจจับการแสดงออกของหน้าตาและท่าท่าง และอัลกอริทึ่มก็จะประเมินผลออกมาว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร
นั่นหมายความว่าแม้ว่าคุณกำลังจะจัดประชุมเพื่อระดมไอเดีย หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่รวมกับทีม แต่ภาษาโดยรวมที่คุณใช้จะทำให้ทีมของคุณรับรู้ได้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร เป็นลบหรือเป็นบวก แม้ว่าในที่ประชุมคุณจะตั้งใจดีและพยายามอย่างเต็มที่จะสื่อสารออกไป แต่ถ้าคุณควบคุมการแสดงออกได้ไม่ดีพอในขณะที่จิตใจของคุณไม่มั่นคงทีมของคุณจะรับรู้ และความกังวลจะถูกส่งต่อไปให้ทีมของคุณในที่สุด ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจ
ไม่นับเรื่องการการพูด การพิมพ์ ข้อความ ในเชิงลบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นและส่งผลต่อทีมอย่างแน่นอน
การทำบางอย่างที่ผิดปกติหรือการแสดงออกถึงความไม่แน่นอน
คนส่วนใหญ่มักจะยกย่องหัวหน้าที่แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ ที่เผยให้เห็นถึงความรู้สึก และความไม่แน่นอนต่างๆ ว่าสามารถทำให้ทีมเข้าถึงได้ง่ายและดูเป็นมนุษย์มากขึ้น เรื่องนี้ถ้าทำอย่างเหมาะสมเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ามากเกินไปหรือบ่อยเกินไปก็จะส่งผลต่อความวิตกกังวลของทีมได้เช่นกัน
เพราะโดยปกติแล้วคนเราไม่มีใครที่ชอบความไม่แน่นอน และส่วนใหญ่ต้องการขจัดความไม่แน่นอนออกจากชีวิต
ถ้าคุณเป็นหัวหน้า พยายามอย่าเพิ่มความซับซ้อนให้กับทีมของคุณ ด้วยการให้เขาต้องเดาว่าคุณจะทำอะไรต่อไป ความน่าเชื่อถือ และคาดเดาได้ อาจจะดูเป็นเรื่องน่าเบื่อและไม่ตื่นเต้น แต่นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นของการมีภาวะผู้นำที่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ ‘ยากลำบาก’ เพราะในภาวะที่เรากำลังอยู่ใน ‘วิกฤต’ และบริษัทกำลังพยายามปรับเปลี่ยนทุกอย่างเพื่ออยู่รอด หัวหน้าอาจจะเป็นปัจจัยเดียวที่ทีมของคุณคาดเดาได้
อารมณ์ผันผวน
ความตื่นเต้นจากความผันผวน เป็นเรื่องที่ดูสนุกและน่าตื่นเต้น สำหรับใครบางคน แต่สิ่งเหล่านี้มักจะสร้างความเครียดให้กับคนส่วนใหญ่ หัวหน้าที่ดีจึงจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการจัดการกับแรงกดดันที่ได้รับได้อย่างเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่บริษัทกำลังมี ‘ปัญหา’
จำไว้เสมอว่าถ้าคุณเป็นหัวหน้า ‘ความเครียดของคุณรังแต่จะเพิ่มความเครียดให้กับผู้อื่น’ โดยไม่จำเป็น
ดังนั้นหัวหน้าต้องทำงานอย่างหนักเพื่อแสดงออก ควบคุมอารมณ์ ให้ดีที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าทีม
การทำสมาธิ ออกกำลังกาย การนอนหลับที่ดี เป็นวิธีที่เรียบง่าย ในการช่วยให้คุณสามารถควบคุมอารมณ์ของคุณให้คงที่ได้ และอย่าลืมมั่นรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รู้ตัวเสมอถ้าหากคุณแสดงออกไม่เหมาะสม
การมองโลกในแง่ร้ายมากเกินไป
การมองโลกในแง่ร้าย ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องแย่ แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่าในความเป็นจริงแล้ว การมองโลกในแง่ร้าย สามารถทำให้เราสามารถที่จะตรวจจับความผิดปกติ วางแผนที่รอบคอบ ลดความเสี่ยง ลดโอกาสที่เกิดจากการตัดสินใจที่เต็มไปด้วย ego ลงได้ บางครั้งในฐานะของผู้นำ ผู้ประกอบการ หรือหัวหน้า การมองโลกในแง่ร้ายถือเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบเสียด้วยซ้ำ เหมือนกับที่ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีต CEO ของ Intel เคยบอกไว้ว่า ‘Only the Paranoid Survive’ หรือ ‘คนที่หวาดระแวงเท่านั้นที่อยู่รอด’
การมองโลกในแง่ร้ายในเชิงธุรกิจเป็นเรื่องที่ดี แต่การมองโลกในแง่ร้ายพร้อมๆ กับสื่อสารในแง่ร้ายออกมามากเกินไปเป็นเรื่องไม่ดี เพราะบางครั้งอาจจะทำให้ทีมของคุณหมดกำลังใจ และผลักดันระดับความตึงของงานที่อาจจะมีอยู่แล้ว ให้อยู่ในระดับที่เครียดมากเกินไปได้
เพราะการเป็นผู้นำหรือหัวหน้าไม่ได้เกี่ยวกับตัว ‘คน’ ที่เป็น แต่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่คุณมอบให้ และในกรณีที่สิ่งที่คุณต้องมองให้ก็คือ ‘ความมั่นคง’ ที่มากขึ้น และ ‘ความวิตกกังวล’ ที่น้อยลง
เพิกเฉยต่ออารมณ์ของทีม
ในขณะที่ผู้นำพยายามที่จะโฟกัสไปที่การจัดการความรู้สึก อารมณ์ของตัวเอง เพื่อควบคุมมันให้ได้ อย่าลืมที่จะใส่ใจอารมณ์ของทีม แต่ก่อนที่จะทำสิ่งนี้ได้หัวหน้าต้องจัดการอารมณ์ของตัวเองให้ดีซะก่อน เพราะถ้าคุณจัดการอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ ทีมก็จะไม่ให้น้ำหนักในคำแนะนำของคุณ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเรื่องของ EQ หรือ ความฉลาดทางอารมณ์เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างมากว่ามีผลต่อการทำงาน และผู้นำที่มี EQ สูงมักจะเข้าใจและสร้างอิทธิผลทางอารมณ์ในทางที่ดีได้มากกว่า แต่แน่นอนว่าไม่มีใครที่เกิดมาพร้อมกับ EQ ที่ดีพร้อม หรือทำให้ดีขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน ข่าวดีก็คือ มันเป็นเรื่องที่ฝึกฝนได้
จำไว้เสมอว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ‘การติดตามผลกระทบ อารมณ์ และความเครียดของทีม มีความสำคัญมากกว่าการตรวจประสิทธิภาพการทำงาน ผลผลิต หรือการจัดการงานต่างๆ’
และวิธีการที่เริ่มต้นได้ง่ายๆ ก็คือ การสื่อสารที่มากขึ้น การ one on one (พูดคุยแบบหนึ่งต่อหนึ่ง) การถามคำถามปลายเปิดที่เชิญชวนให้มีทีมมีส่วนร่วม และแสดงความเห็นอกเห็นใจ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เริ่มได้ทันที
ในฐานะผู้นำ คุณต้องเป็นผู้สนับสนุนทางอารมณ์ของทีม และเมื่อคุณทำได้ดี คุณจะสามารถดึงเอาศักยภาพที่ดีที่สุดของทีมออกมาได้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดก็ตาม หากคุณทำได้ไม่ดีผลลัพธ์จะออกมาในทางตรงกันข้ามกำลังใจทีมของคุณจะลดลง แม้ว่าบริษัทจะอยู่ในสถานการณ์ที่ปกติก็ตาม
เหมือนที่ Dale Carnegie (เดล คาร์เนกี) เคยบอกไว้ว่า “เมื่อต้องติดต่อกับผู้คน จงจำไว้ว่าคุณไม่ได้จัดการกับสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยอารมณ์”
References : Hbr.org, Adaa.org