KEY TAKEAWAYS
- Michael Saylor ซีอีโอของบริษัท MicroStrategy กล่าวว่าทองคำมีแนวโน้มที่จะถูกทำลายล้างด้วยการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของ bitcoin
- Saylor กล่าวว่านักลงทุนระยะยาวไม่ควรกังวล เพราะว่าความผันผวนของราคาเป็นเส้นทางการเติบโตของสินทรัพย์
การเติบโตของ Bitcoin (BTC) ทำให้มีหลายคนมองว่าคริปโตกำลังจะเข้ามาแทนที่ทองคำในหลายๆ เหตุผล เช่น การเก็บรักษามูลค่า แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงขาลงของตลาดคริปโต แต่คนในวงการคริปโตหลายคนก็ยังมองว่า Bitcoin จะเข้ามาโค่นล้มทองคำได้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะผู้ถือคริปโตคนสำคัญคนนี้ ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ซีอีโอของบริษัท MicroStrategy ได้สัมภาษณ์กับ Stansberry Research เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เขากล่าวว่าทองคำมีแนวโน้มที่จะถูกทำลายล้างด้วยการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของ bitcoin
อย่างไรก็ตาม Sayler ยอมรับว่าการที่ bitcoin จะมาแทนที่ทองคำนั้นจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่น่าสนใจคือ Sayler ตั้งข้อสังเกตว่า Bitcoin มีโอกาสสูงที่จะถูกนำไปใช้เป็นสกุลเงิน ซึ่งจุดนี้แตกต่างจากทองคำ
“นักวิจารณ์ทั่วไปและนักวิเคราะห์กระแสหลัก พวกเขาไม่เข้าใจเศรษฐกิจคริปโต ไม่เข้าใจ Bitcoin และพวกเขาเกลียดความผันผวน… Bitcoin จะค่อย ๆ ทำลายทองคำเมื่อเวลาผ่านไป ทองจะมีประโยชน์ในฐานะทองคำเท่านั้น แต่มันจะไม่ถูกนำไปใช้เป็นสกุลเงินในศตวรรษที่ 21” Sayler กล่าว
พอพูดถึงเรื่องความผันผวนของราคา Bitcoin Saylor กล่าวว่านักลงทุนระยะยาวไม่ควรกังวล เพราะว่าความผันผวนของราคาเป็นเส้นทางการเติบโตของสินทรัพย์ เขาบอกว่า Bitcoin มีความผันผวนเพราะมีนักลงทุนบางส่วนเข้ามาเทรดในระยะสั้น
Sayler ยังได้แนะนำว่านักลงทุนควรศึกษาแผนของ MicroStrategy เป็นตัวอย่าง โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 บริษัทได้ซื้อ bitcoin เพิ่มมากกว่า 200 BTC
ทั้งนี้ Sayler ถูกวิจารณ์หลังจากบริษัทขาดทุนในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2022 MSTR ได้รายงานว่าบริษัทมีรายรับ 122.1 ล้านดอลลาร์ จากที่คาดการณ์ว่าจะมีรายรับ 126 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้บริษัทยังขาดทุน 918.9 ล้านดอลลาร์จากการถือครอง bitcoin
Sayler ยังบอกอีกว่าช่วงนี้ที่ตลาดคริปโตเริ่มดีขึ้น บ่งชี้ว่า Bitcoin ถึงจุดต่ำสุดแล้ว “ตลาดคริปโตดูเหมือนจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานของคริปโตก็กำลังได้รับการพัฒนาให้เป็นสินทรัพย์การลงทุนระดับสถาบัน ซึ่งจะได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานกำกับดูแล สมาชิกสภานิติบัญญัติ และนักลงทุนในวงกว้าง”
หลังจากที่ตลาดคริปโตประสบกับภาวะตลาดหมีมากว่าครึ่งปี ตอนนี้ Bitcoin และ Ethereum (ETH) ได้เป็นผู้นำในการพาตลาดคริปโตกระเตื้องขึ้นอีกในระยะเวลาสั้นๆ
Reference : Finbold