KEY TAKEAWAYS
- ความผันผวนของตลาดคริปโตทำให้นักลงทุนสงสัยในอนาคตของคริปโต บทความนี้จึงพามาสำรวจมุมมองของผู้มีอิทธิพลที่มีต่อคริปโตและ Bitcoin
- มีทั้งผู้ที่มองคริปโตในด้านบวกและด้านลบ ผู้ที่มองคริปโตในด้านบวกมองว่าคริปโตคืออนาคต มีการพัฒนาต่อเนื่อง และมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
- ส่วนผู้ที่มีมุมมองต่อคริปโตด้านลบ มองว่า คริปโตมีความผันผวนด้านราคาหรือเป็นสิ่งที่ไม่มีมูลค่า
นับตั้งแต่การล่มสลายของเหรียญ Terra และ Luna หลังจากนั้นวงการคริปโตฯ ก็ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดหมีอย่างเต็มตัว ราคาของเหรียญพี่ใหญ่ในวงการอย่าง bitcoin ตกลงไปต่ำสุดในรอบ 2 ปี ตามมาด้วยการล้มละลายของผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Three Arrow Capital, Celsius, Voyager ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นช่วงขาลงสุดๆ ของคริปโตฯ เลยทีเดียว
ในสถานการณ์แห่งความไม่แน่นอนนี้ คงทำให้ใครหลายคนตั้งคำถามถึงทิศทางในอนาคตของคริปโตฯ ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป วันนี้เราเลยขอหยิบความคิดของเหล่าคนดัง ผู้มีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจ และนักลงทุนทั้งที่ลงทุนและไม่ได้ลงทุนในคริปโตฯ มาฝากกันว่าแต่ละคนนั้นเขามีมุมมองต่ออนาคต หรือ พูดถึงคริปโตฯ อย่างไรกันบ้าง
Michael Saylor
“เอาบ้านของคุณไปจำนองและซื้อ Bitcoin” – Michael Saylor
เริ่มต้นกันด้วยผู้เล่นคนสำคัญของโลกคริปโตฯ อย่าง ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) CEO แห่ง MicroStrategy ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นบริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก โดยข้อมูล ณ วันที่ 29 มิถุนายน นั้นบริษัทแห่งนี้ถือ Bitcoin อยู่มากถึง 129,699 BTC อ่านไม่ผิดบริษัทนี้ถืออยู่ 129,699 BTC จริงๆ
Michael Saylor ถือว่าเป็นแฟนตัวยงของ Bitcoin ที่มักจะออกมาพูดเกี่ยวกับ Bitcoin อยู่เสมอ โดยในช่วงกลางปี 2021 เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับ Bitcoin ไว้ว่า…
“Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุด โอเค ไม่มี! มันไม่มีสินทรัพย์ที่ดีที่สุดอันดับ 2”
และเขายังได้ให้คำแนะนำต่อจากนั้นที่ยังเป็นมีมจนถึงทุกวันนี้ไว้ว่า
“ใช้เวลาทั้งหมดของคุณ แล้วหาว่าคุณสามารถขายอะไร เพื่อซื้อ bitcoin ได้บ้าง และถ้าคุณรักในสิ่งนั้นจริงๆ แล้วคุณไม่อยากขายมัน เอาบ้านของคุณไปจำนองและซื้อ Bitcoin”
ซึ่งก็หวังว่าจะไม่มีใครทำตามคำแนะนำของเขาในวันนั้น
Nayib Bukele
“Bitcoin คืออนาคต” – Nayib Bukele
มาที่คำพูดของผู้นำของประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ยอมรับให้ bitcoin เป็นเงินที่ถูกกฎหมายประเทศแรกของโลกตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2021 ซึ่งประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล (Nayib Bukele) ก็ได้ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า เอลซัลวาดอร์ซื้อ bitcoin เพิ่มไป 80 BTC ที่ราคาเหรียญละ 19,000 ดอลลาร์ พร้อมกับข้อความแสดงวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อบิทคอยน์ว่า ‘bitcoin คืออนาคต ขอบคุณที่ขายให้ในราคาถูก’
ทั้งนี้ประธานาธิบดี Nayib Bukele เป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นใน bitcoin มาก ก่อนหน้านี้เขาก็เคยออกมาให้คำแนะนำนักลงทุนใน bitcoin ผ่านทวิตเตอร์ในช่วงที่ผู้คนกำลังตื่นตระหนกเกี่ยวกับตลาดคริปโตว่า
‘ผมเห็นว่าบางคนกังวลและกระวนกระวายเกี่ยวกับราคา bitcoin คำแนะนำของผมคือหยุดดูกราฟและสนุกกับชีวิตเถอะ ถ้าคุณลงทุนใน bitcoin การลงทุนของคุณนับว่าปลอดภัยและมูลค่าของมันจะเติบโตขึ้นอย่างมหาศาลหลังจากตลาดหมี สิ่งสำคัญคือความอดทน’
Francis Suarez
“Bitcoin ควรถูกมองในแง่ของนวัตกรรมและเทคโนโลยี” – Francis Suarez
ฟรานซิส ซัวเรส (Francis Suarez) นายกเทศมนตรีของเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความคิดเห็นของเขาที่มีต่อ bitcoin ในการสนทนาหัวข้อ ‘อนาคตของคริปโตฯ’ ในวันที่สามของการประชุม World Economic Forum (WEF) 2022 ที่เมืองดาวอส รัฐเกราบึนเดิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ‘เราอยู่ในโลกที่นักลงทุนมองสิ่งต่างๆ ว่าจะให้ผลตอบแทนอะไร แต่ Bitcoin ควรถูกมองในแง่ของนวัตกรรมและเทคโนโลยี’ และยังบอกอีกว่าความผันผวนในตลาดคริปโตฯ เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศคริปโตฯ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่เทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาและกำลังเริ่มต้น
เขายังได้แสดงมุมมองต่ออนาคตของ bitcoin ว่า ‘ผมจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคริปโตฯ จากมุมมองของ bitcoin เพราะเป็นคริปโตฯ ที่รู้จักกันดี ในปัจจุบันมันเหมือนสินทรัพย์ประเภทหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันจะเคลื่อนไปเป็นสกุลเงิน เมื่อมองมันในแง่มุมของสกุลเงิน ผมคิดว่าราคาของมันก็จะทรงตัว’
สำหรับเหตุผลที่เขาสนับสนุน bitcoin เขาบอกว่า ‘ทุกวันนี้เราสามารถเชื่อใจใครได้บ้าง นักการเมือง? นายธนาคาร? หรือผู้กำหนดนโนบาย? นี่คือจุดที่ bitcoin เริ่มได้รับความนิยม ถึงแม้ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ แต่ก็ได้รับการออกแบบมาตามชุดของรหัสซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้’
Cathie Wood
“การปฏิวัติที่เกี่ยวกับคริปโตกำลังดำเนินต่อไปและจะไม่หยุดยั้ง” – Cathie Wood
เคธี่ วู้ด (Cathie Wood) นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ทางการเงิน ซีอีโอของบริษัท Ark Invest ได้แสดงความคิดเห็นของเธอเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิตอลในการสัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนว่า ‘เราเชื่อว่าการปฏิวัติที่เกี่ยวกับคริปโตฯ กำลังดำเนินต่อไปและจะไม่หยุดยั้ง’ Wood ยังตั้งข้อสังเกตถึงการปฏิวัติเกี่ยวกับคริปโตฯ สามครั้งใหญ่ๆ หรือที่ปรากฏใน 2022 Big Ideas ซึ่งประกอบไปด้วย บล็อกเชน, DeFi และ NFT นั้น ‘กำลังดำเนินต่อไปและจะไม่หยุดยั้ง’
เธอกล่าวถึง DeFi ว่า ‘DeFi เริ่มต้นขึ้นแล้ว และเราประทับใจในความแข็งแกร่งของระบบนิเวศ’ ส่วน NFTs นั้น Wood มีมุมมองต่อมันว่า ‘เราเชื่อว่าสิทธิ์ในทรัพย์สินดิจิทัล ซึ่งเป็นสิ่งที่ NFT เป็นตัวแทน กำลังจะกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ’ โดยเธอเชื่อว่ามูลค่าระยะยาวในสินทรัพย์ดิจิทัลจะมาจากประโยชน์ใช้สอยของพวกมันนั่นเอง
Robert Kiyosaki
“Bitcoin คืออนาคตทางการเงิน” – Robert Kiyosaki
ส่วนโรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki) นักเขียนหนังสือขายดีอย่างเรื่อง ‘Rich Dad Poor Dad (พ่อรวยสอนลูก)’ ที่ได้ออกมาโพสต์ผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของเขาในช่วงที่เกิดตลาดหมี (13 พ.ค. 2022) ว่า ‘Bitcoin คืออนาคตทางการเงิน’ และนั่นคือเหตุผลที่เขาจะช้อนซื้อ bitcoin เมื่อราคาของมันลดลง เขายังได้ให้คำคมที่น่าคิดต่อว่า ‘คุณทำกำไรได้เมื่อคุณซื้อ ไม่ใช่เมื่อคุณขาย’
Kiyosaki มีมุมมองที่เป็นบวกต่อ bitcoin เสมอว่ามันเป็นหน่วยเก็บรักษามูลค่าที่ดี เพราะหลังจากนั้นเขาได้ออกมาโพสต์เตือนผู้ติดตามของเขาผ่านทวิตเตอร์ว่าโลกกำลังจะเผชิญกับภาวะทางการเงินครั้งยิ่งใหญ่นับแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ให้คำแนะนำว่าให้เก็บรักษาสิ่งที่จะมีประโยชน์ไว้ช่วงวิกฤติ และหนึ่งในสิ่งที่ควรเก็บรักษาไว้ให้ดีก็คือ bitcoin
Ray Dalio
“Bitcoin เหมือนเป็นทางเลือกใหม่ๆ ของทองคำ” – Ray Dalio
ปิดท้ายผู้ที่มองบิทคอยน์เป็นบวกกันด้วยเรย์ เดลิโอ (Ray Dalio) นักลงทุนมหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้ก่อตั้งกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Bridgewater Associates ผู้ที่มีความประทับใจต่อทั้ง bitcoin และ blockchain
ผมเชื่อในเทคโนโลยีบล็อกเชน มันกำลังจะเป็นการปฏิวัติ และมันจะได้รับความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้เขายังยืนยันว่าเขาเป็นผู้ถือ bitcoin จำนวนเล็กน้อย ‘bitcoin เหมือนเป็นทางเลือกใหม่ๆ ของทองคำ’ เขากล่าว ‘มันไม่มีมูลค่าที่แท้จริงหรอก แต่มันก็มีมูลค่าที่ผู้คนสมมติขึ้นมา และมันก็มีข้อดีอยู่บ้าง’
Bill Gate
“คริปโตเคอร์เรนซีและ NFTs คือปรากฏการณ์ที่ตั้งอยู่บนทฤษฎีผู้ที่โง่กว่า” – Bill Gate
มาทางฝั่งผู้ที่ไม่เชื่อมั่นและไม่เห็นค่าของคริปโตเคอร์เรนซีกันบ้าง เริ่มต้นด้วยบิล เกต (Bill Gate) มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสี่ของโลก โดยเขาได้พูดในการประชุม TechCrunch Talk เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ‘คริปโตเคอร์เรนซีและ NFTs คือปรากฎการณ์ที่ตั้งอยู่บนทฤษฎีผู้ที่โง่กว่า (Greater fool theory) แบบ 100 เปอร์เซ็นต์’ ซึ่งนั่นหมายถึงสินทรัพย์ที่จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีนักลงทุนคนอื่นยินดีที่จะจ่ายมากกว่าเพื่อให้ได้สินทรัพย์นั้นมาครอบครอง ซึ่งนั่นหมายถึงสินทรัพย์ดิจิตอลถูกขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่นล้วนๆ เพียงเท่านั้น
ซึ่งก่อนหน้านี้บิลก็เคยตอบคำถามเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีที่มีผู้เคยถามความคิดเห็นเขาใน reddit ask me anything โดยเขาตอบว่า ‘ผมไม่ได้เป็นเจ้าของมันเลย ผมชอบลงทุนในสิ่งที่มีผลผลิตที่มีคุณค่าซึ่งคุณค่าของบริษัทนั้นๆ ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าของพวกเขา ส่วนคุณค่าของคริปโตก็แค่ใครบางคนตัดสินใจว่าคนอื่นจะจ่ายเพื่อมัน ซึ่งนั่นไม่ได้ให้คุณค่าอะไรกับสังคมเหมือนการลงทุนอื่นๆ เลย’
Warren Buffet
“ต่อให้ Bitcoin ทั้งโลกราคา 25 ดอลล่าร์ ผมก็ไม่ซื้อ” – Warren Buffet
วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffet) นักลงทุนมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ประธานบริษัทการลงทุน Berkshire Hathaway ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ bitcoin ในงานประชุมประจำปีผู้ถือหุ้นของ บริษัท Berkshire Hathaway เมื่อวันที่ 31 เมษายนว่า ‘ถ้าคุณบอกผมว่าคุณเป็นเจ้าของ bitcoin ที่มีทั้งหมดบนโลกใบนี้ แล้วคุณเสนอขายให้ผมในราคา 25 ดอลล่าร์ ผมก็จะไม่ซื้อมันหรอก เพราะผมไม่รู้จะเอามันไปทำอะไร’
เขายังบอกอีกว่าเขาสนใจลงทุนในพื้นที่เกษตรกรรมหรือไม่ก็อพาร์ทเมนต์ในประเทศมากกว่า พร้อมทั้งย้ำมุมมองว่า bitcoin ไม่มีค่าอะไรเลย เพราะมันไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์ใดๆ ‘bitcoin น่ะเหมือนมีเวทมนตร์ แต่ผู้คนก็มักจะถูกดึงดูดด้วยเวทมนตร์หลายอย่าง’ เขากล่าวเสริม แล้วยังเปรียบเทียบว่า bitcoin เหมือนกับบริษัทประกันภัยที่อ้างตนว่าเป็นเทคโนโลยีที่มหัศจรรย์
Charlie Munger
“Bitcoin น่ะทั้งโง่เขลา ชั่วร้าย และดูโง่” – Charlie Munger
ในงานเดียวกันนี้ Charlie Munger ซึ่งเป็นรองประธานบริษัทการลงทุน Berkshire Hathaway ก็ได้แสดงมุมมองเกี่ยวกับ bitcoin เช่นกัน โดยเขาบอกว่า ‘ในชีวิตของผม ผมพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่โง่เขลา ชั่วร้าย และทำให้ผมดูโง่ในสายตาคนอื่น และ bitcoin น่ะมีครบทั้งสามข้อเลย’ นับว่าเป็นความคิดเห็นที่ร้อนแรงมากทีเดียว
George Soros
“Bitcoin ไม่ใช่สกุลเงิน เพราะสกุลเงินควรจะเป็นที่เก็บมูลค่าที่เสถียร” – George Soros
มากล่าวกันที่จอร์จ โซรอส (George Soros) เศรษฐีนักลงทุนชาวอเมริกัน ผู้ที่ถูกขนานนามว่า ‘ชายผู้ทำลายธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ’ เพราะย้อนกลับไปเมื่อปี 1992 เขาทำเงินได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากการเปิดสถานะชอร์ตเงินปอนด์อังกฤษ
ความกังวลหลักของ Soros คือความผันผวนของ bitcoin โดยเขาได้กล่าวว่า ‘bitcoin ไม่ใช่สกุลเงิน เพราะสกุลเงินควรจะเป็นที่เก็บมูลค่าที่เสถียร และสกุลเงินที่ผันผวนมากกว่า 25% ในหนึ่งวัน ไม่สามารถนำมาใช้เพื่อจ่ายค่าจ้างได้ เพราะค่าจ้างอาจลดลง 25% ภายในหนึ่งวัน’ แต่แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีมุมมองที่ดีต่อ bitcoin เท่าไหร่นัก แต่เขากลับมองเห็นศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่รันอยู่เบื้องหลัง bitcoin โดยเขาได้กล่าวว่ามันคือ ‘นวัตกรรม (innovative)’
Yifan He
“แผนฉ้อฉลพอนซี (Ponzi scheme) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์” – Yifan He
ข้ามมาทางฝั่งนักบริหารชาวจีนแผ่นดินใหญ่กันบ้าง กับยี่ฟาน เหอ (Yifan He) ซึ่งเป็นผู้บริหารเครือข่ายบริการบนบล็อกเชน (Blockchain-based Service Network: BSN) ของประเทศจีน ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในเชิงพานิชย์
Yifan He ได้ตีพิมพ์บทความเผยแพร่ในสื่อของรัฐบาล People’s Daily เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน โดยอ้างถึงคริปโตเคอร์เรนซีว่าเป็น ‘แผนฉ้อฉลพอนซี (Ponzi scheme) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์’ ซึ่งสนับสนุนโดยชุมชนที่ ‘พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้การฉ้อโกงดำเนินต่อไป’ อย่างไรก็ตามหลังจากที่บทความนี้เผยแพร่ออกไปก็มีผู้ออกมาโต้แย้งว่า bitcoin ether และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ จะมีประโยชน์ในอนาคตถ้ามันถูกนำไปใช้ในวงกว้าง
(Ponzi scheme คือ แผนฉ้อฉลพอนซี ซึ่งคือแผนฉ้อฉลหลอกลวงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนจากเงินที่ได้มาจากนักลงทุนรายใหม่ที่พึ่งเข้ามาในแผนการ โดย Ponzi scheme ถูกตั้งชื่อตามชื่อของชาร์ลส์ พอนซี ซึ่งเป็นผู้ใช้แผนฉ้อฉลจนได้เงินจำนวนมากจากผู้หลงเชื่อ ในทศวรรษที่ 1920 แต่ความคิดของแผนฉ้อฉลในลักษณะนี้เกิดขึ้นก่อนจากนวนิยายของนักเขียนชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงที่มีชื่อว่าซาร์ลส ดิกเกนส์ในปี 1844 จากเรื่อง Martin Chuzzlewit และในปี 1857 เรื่อง Little Dorrit)
จะเห็นได้ว่ามีทั้งมุมมองที่เป็นทั้งบวกและลบต่อคริปโตฯ และแน่นอนว่าไม่มีใครยืนยันได้ว่ามุมมองไหนที่ดีเยี่ยมและถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ (ยกเว้นของ Michael Saylor ที่ถ้าคุณซื้อตอนนั้นการันตีได้เลยว่าตอนนี้คุณกำลังขาดทุนอยู่ 5555) ซึ่งนั่นก็คงต้องเป็นหน้าที่ของเราเองแล้วล่ะ ว่าจะจัดวาง bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีให้อยู่ในตำแหน่งแห่งไหนที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง
References : Fool, Cointelegraph, Thecoinrepublic, Cryptopotato(1), Cryptopotato(2), Businessinsider, News.bitcoin, Dict.drkrok, Businesstoday