KEY TAKEAWAYS
- ธนาคารประชาชนจีนนำสกุลเงินดอลลาร์ออกมาขายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากต้องการพยุงค่าสกุลเงินหยวนที่กำลังอ่อนลง
- ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ามากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าเงินหยวนลดลงมาถึง 13%
- การซื้อสกุลเงินหยวนทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนสูงขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 7.3746 เป็น 7.3034 (1 USD = 7.2437 CNY)
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว Reuters ระบุว่า เมื่ออังคารที่ผ่านมาธนาคารประชาชนจีนนำสกุลเงินดอลลาร์ ออกมาขายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากต้องการพยุงค่าสกุลเงินหยวนที่กำลังอ่อนลง
ในช่วงที่ผ่านมาสกุลเงินหยวนของจีนกำลังเผชิญหน้ากับความกดดันต่อค่าเงินที่อ่อนลง ซึ่งนับว่าเป็นมูลค่าที่ต่ำมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2007 และเมื่อเทียบกับอัตราการแลกเปลี่ยนสกุลเงินอื่นในตลาดพบว่าต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ด้านแหล่งข่าวให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องแปลกที่ธนาคารในจีนต่างพากันเปิดการแลกเปลี่ยนตลาดในประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกับตลาดในลอนดอนและสหรัฐฯ รวมไปถึงการขายสกุลเงินดอลลาร์ในตลาดในประเทศ ระหว่างช่วงเย็นก่อนปิดตลาดด้วย โดยหลังจากที่จีนเทขายเงินสกุลดอลลาร์สามารถช่วยกระตุ้นค่าเงินหยวนขึ้นมาได้เล็กน้อย
การแห่ขายสกุลเงินดอลลาร์ในครั้งนี้ของจีน ถือได้ว่าเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอก ถึงภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ามากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าเงินหยวนลดลงมาถึง 13%
โดยจากการซื้อสกุลเงินหยวนช่วยทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนสูงขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 7.3746 เป็น 7.3034 นอกจากนี้ยังพบว่า จากการเปิดตลาดซื้อขายเมื่อวันพุธ (19 ตุลาคม 2565) ที่ผ่านมา อัตราการแลกเปลี่ยนเงินหยวนอยู่ที่ 7.29 ต่อดอลลาร์ จากเดิมที่ 7.31 ในปัจจุบันอัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 USD = 7.2437 CNY
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จีนพบว่าค่าเงินหยวนอ่อนลง ส่งผลให้คณะกรรมการในประเทศจีนต่างพากันออกกฎหมาย รวมถึงมาตรการต่างๆ สำหรับการกู้ยืมกับต่างประเทศ เพื่อรองรับค่าเงินหยวนที่อาจอ่อนลงอีก ซึ่งมาตรการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการหารือ ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตาดูต่อไปว่า จีนจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ต่อไปหรือไม่ในอนาคต