KEY TAKEAWAYS
- เหตุการณ์ที่แบรนด์ CHARLES & KEITH (C&K) ออกมาปกป้องเด็กสาวสิงคโปร์ที่ถูกบูลลี่จนทำให้ได้รับการชื่นชมกันทั้งสองฝ่าย และส่งผลดีให้ยอดการค้นหาแบบออร์แกนิคสูงขึ้น
- การกระทำของ C&K เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน เพียงเปรียบเสมือนแบรนด์เป็นคนคนหนึ่ง และกระทำตามสิ่งที่ตัวเองเชื่อ เป็นการย้ำชัดถึงภาพลักษณ์และตัวตนแบรนด์
- CARMA ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าถ้าการที่ C&K เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากกระแส อาจทำให้แบรนด์ดูไม่น่าเชื่อถือ หากคนเบื้องหลังแบรนด์ประทับใจต่อคำพูดของ Zoe อย่างแท้จริง จะต้องมีวิธีการตอบสนองที่สะท้อนถึงสิ่งนั้น
แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือจุดยืนที่ชัดเจน ดังนั้นเราจะเห็นแบรนด์ต่างๆ ออกมาโต้ตอบกับเหตุการณ์ที่เป็นกระแสอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับกรณีเด็กสาวสิงคโปร์ที่เธอถูกบูลลี่เพียงเพราะเธอบอกว่ากระเป๋า CHARLES & KEITH (C&K) ราคาประมาณ 2,500 บาทคือแบรนด์ Luxury จนทำให้เจ้าของแบรนด์ต้องออกมาปกป้อง เหตุการณ์นี้ทำให้ได้รับความชื่นชมกันทั้งสองฝ่าย ทั้งตัวเด็กสาวที่ถูกบูลลี่ รวมถึงแบรนด์ C&K กระบวนการเป็นอย่างไร การโต้ตอบของแบรนด์ถูกต้องหรือไม่ ส่งผลอย่างไรต่อแบรนด์ มาดูกัน
ย้อนความต้นเรื่องกันสักนิด เด็กสาวสิงคโปร์วัย 17 ชื่อ Zoe เธอได้ออกมาแชร์เรื่องราวผ่าน TikTok ว่าได้รับกระเป๋า Luxury ใบแรกในชีวิตซึ่งเป็นของขวัญจากพ่อของเธอ ซึ่งเป็นกระเป๋าถือแบรนด์ C&K จุดที่ทำให้เกิดความขัดแย้งคือเธอบอกว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นกระเป๋าระดับ Luxury
ชาว TikTok ก็ออกมาแย้งว่ากระเป๋าใบดังกล่าวไม่ใช่แบรนด์ Luxury เพราะราคาของมันประมาณ 2,500 บาท พร้อมกับใช้ถ้อยคำเชิงแซะ ล้อเลียน ดูถูก จนส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของ Zoe ดังนั้นเธอก็ได้ออกมาอธิบายถึงแบคกราวน์ครอบครัวที่ลำบากมาก่อน จนกระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อกระเป๋าได้
เหตุการณ์นี้เป็นไวรัลไปทั่วโซเชียล จนทำให้แบรนด์ C&K ออกมามีส่วนร่วม โดยได้เชิญ Zoe และพ่อของเธอไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่และร่วมรับประทานอาหารกับผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ และยังได้กล่าวชื่นชม Zoe ว่าสามารถโต้ตอบกับความคิดเห็นต่างๆ ได้อย่างสง่างามและอ่อนน้อม
จากเหตุการณ์นี้โซเชียลแสดงความชื่นชมต่อทั้ง Zoe และการออกมาปกป้องลูกค้าของ C&K ทั้งนี้ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ เคลวิน โก (Kelvin Koh) กรรมการผู้จัดการของ Truescope Singapore บอกว่าการพูดถึงและค้นหาแบรนด์ C&K แบบออร์แกนิกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนยอดกดถูกใจของเพจ CHARLES & KEITH ก็เพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 คน
การกระทำของ C&K เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน เพียงเปรียบเสมือนแบรนด์เป็นคนคนหนึ่ง และกระทำตามสิ่งที่ตัวเองเชื่อ เมื่อมันถูกต้อง (หรืออย่างน้อยสังคมก็มองว่าถูก) มันก็จะได้รับปฏิกริยาตอบโต้ที่ดีจากสังคม ดังนั้นในการสร้างแบรนด์สักแบรนด์ ภาพลักษณ์และตัวตนของแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
แต่ในมุมของนักการตลาดมองประเด็นที่แตกต่างออกไป นักการตลาดจากบริษัทข่าวและข้อมูล CARMA ชี้ว่าต้องตระหนักว่าเรื่องที่เกี่ยวกับเงินเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าการที่ C&K เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากกระแส อาจทำให้แบรนด์ดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะทุกวันนี้ผู้คนให้ความสำคัญกับความถูกต้อง หากคนเบื้องหลังแบรนด์ประทับใจต่อคำพูดของ Zoe อย่างแท้จริง จะต้องมีวิธีการตอบสนองที่สะท้อนถึงสิ่งนั้น
แต่ในตอนนี้ C&K เองก็ยังไม่ได้มีปฏิกิริยาเพิ่มเติมไปกว่าที่นำเสนอไปแล้ว แม้ชาวโซเชียลจะมีข้อเสนอว่าแบรนด์ควรให้ของขวัญหรือเงินสนับสนุนก็ตาม ทั้งนี้เอ็ดวิน โย (Edwin Yeo) ผู้จัดการของ SPRG Singapore ก็บอกแผนการซัพพอร์ตเพียงว่า อย่างแรกคือการซัพพอร์ต Zoe บนโซเชียลมีเดียต่างๆ และแบรนด์ก็ควรต้องยืนหยัดในความจริงที่ว่าผู้คนควรให้คำจำกัดความของคำว่า Luxury ของตัวเองเพราะทุกคนมีเบื้องหลังที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่ C&K จะได้บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ได้ดังขึ้น การออกมาซัพพอร์ทลูกค้ารวมถึงมีการต่อต้านการถูกบูลลี่ คือการแสดงจุดยืนของ C&K และตอกย้ำสิ่งที่บริษัทยึดถือซึ่งเขียนไว้บนเว็บไซต์ว่า ‘CHARLES & KEITH ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม’
Graphic Ideas
– ออกแบบให้มีหลังสีขาว เรียบหรู และให้ความรู้สึกสงบ เน้นการสื่อสารที่ชัดเจน โดยมีชื่อแบรนด์ Charles & Keith อยู่ด้านหลัง
– ตรงกลางเป็นกระเป๋ารุ่น Double handle tote bag ที่ดูสวยงาม เพื่อสื่อว่า Charles & Keith เป็นแบรนด์แฟชั่น ซึ่งเป็นกระเป๋าที่คุณพ่อของน้อง zoe ซื้อให้เป็นของขวัญ
– ให้สรุปภาพรวมของการออกแบบเป็น 3 คำก็จะเป็น Elegant / Minimal / Calm
References: Charleskeith, Marketing-interactive, Mothership