KEY TAKEAWAYS
- ฮ่องกงขับเคลื่อนให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องถูกกฎหมาย รวมไปถึงสามารถซื้อขายผ่านกองทุนดัชนีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ETF) ได้ด้วยเช่นกัน
- เป้าหมายในการผลักดันคริปโต คือ เพื่อต้องการให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงิน
แม้จีนจะคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลแต่ฮ่องกงขอสวน เจ้าหน้าที่หน่วยงานกำกับดูแลการเงินประจำฮ่องกง ได้ออกมาเผยถึง ความต้องการที่จะพัฒนาระบบใหม่ ด้วยการขับเคลื่อนให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเรื่องถูกกฎหมาย รวมไปถึงสามารถซื้อขายผ่านกองทุนดัชนีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ETF) ได้ด้วยเช่นกัน
จูเลีย เหลียง (Julia Leung) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (SFC) ของฮ่องกงเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้ากำลังผลักดันการออกกฎหมายที่จะทำให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น และหากกระบวนทางกฎหมายเป็นไปตามคาด ก็จะมีการบังคับใช้จริงในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยในช่วงแรกของการเปิดให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนนั้น จะจำกัดเหรียญอยู่ที่ 2 เหรียญ คือ Bitcoin (BTC) และ Etherum (ETH) และผู้ที่มีใบอนุญาตจากทางการฮ่องกงเท่านั้น ที่สามารถดำเนินธุรกรรมได้
เป้าหมายในการผลักดันคริปโต คือ เพื่อต้องการให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงิน แม้ว่าการกระทำนี้จะขัดแย้งกับนโยบายจากจีนแผ่นดินใหญ่ก็ตาม นอกจากนี้ทางการฮ่องกงยังต้องการที่จะกระตุ้นให้เหล่านักลงทุนจากทั่วโลก หันมาสนใจการลงทุนในฮ่องกงเพิ่มขึ้นด้วย
ภายหลังการประกาศถึงการผลักดันคริปโต ส่งผลให้หุ้นของบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ (28 ตุลาคม 2565) ที่ผ่านมา โดยบริษัท บี.ซี เทคโนโลยี (BC Technology) พุ่งสูงขึ้นกว่า 4.8% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่หุ้นของบริษัทฟินเทคอย่าง Huobi ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Exchange Huobi ก็ขยับสูงขึ้นเช่นกัน
สำหรับการออกใบอนุญาตให้แก่นักลงทุนชาวจีนอาจมีความเข้มงวดสูง อีกทั้งข้อกำหนดในการได้รับใบอนุญาตก็เป็นเรื่องยากต่อนักลงทุนชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน รวมถึงปัญหาที่อาจกระทบไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ จึงเป็นคำถามสำคัญว่า ใบอนุญาตจากฮ่องกงอาจเป็นการกีดกันการลงทุนจากต่างชาติหรือไม่
อย่างไรก็ตาม Julia Leung ได้พยายามหารือกับ SFC เพื่อทำให้คริปโตสามารถซื้อขายผ่าน ETF ได้ ปัจจุบัน SFC กำลังพิจารณาถึงความปลอดภัยในเหรียญต่างๆ รวมถึงการพิจารณาเงื่อนไขสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติด้วย
References: Coindesk, Forkast.news