KEY TAKEAWAY
- Meta ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการสร้าง Metaverse แต่กระแสไม่ดี ส่งผลทำให้หุ้น Meta ร่วงถึง 20%
- Mark Zuckerberg ประธานบริษัท Meta ได้ออกมากล่าวต่อสื่อว่า นักลงทุนควรที่จะอดทนกันไปก่อน เนื่องจากเป็นช่วงการแข่งขันในโลกเทคโนโลยีที่ดุเดือด
ทำเอาวงการเทคโนโลยีสั่นไปทั้งวงการเลยก็ว่าได้ หลังบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง Meta (Facebook) ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการพยายามสร้าง Metaverse แต่กระแสกลับไม่ดีนัก ส่งผลทำให้หุ้น Meta ร่วงถึง 20% โดยมีราคาซื้อขายอยู่ในระดับ 100 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งนับว่าเข้าใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 7 ปี
โดยเมื่อวันพุธที่26 ตุลาคม 2565 ได้มีการประกาศภาพรวมรายได้ของ Meta และตัวเลขไม่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจนัก โดยกำไรลดลงถึง 4% (มูลค่าราว 2.77 หมื่นล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับรายได้ในปีที่แล้ว
หลังจากรายงานประจำปีที่น่าตกใจ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ประธานบริษัท Meta ได้ออกมากล่าวต่อสื่อว่า นักลงทุนควรที่จะอดทนกันไปก่อน เนื่องจากเป็นช่วงการแข่งขันในโลกเทคโนโลยีที่ดุเดือด โดย Zuckerberg ยังคงเชื่อว่าในอนาคต Meta จะสามารถเป็นแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น การส่งข้อความเชิงธุรกิจ และการเป็น Metaverse ที่เป็นที่นิยมต่อผู้ใช้งานได้ สำหรับเรื่องงบประมาณ Zuckerberg ยังคงไม่สามารถกำหนดได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ Zuckerberg ยังกล่าวต่ออีกว่า พวกเรากำลังแก้ไขปัญหาไปทีละขั้น ในช่วงเวลาที่เหมาะสม “ความอดทน” เป็นหัวใจสำคัญสำหรับเหล่านักลงทุน และใครก็ตามที่อดทนไปกับเรา จะได้ผลตอบแทนในท้ายที่สุดแน่นอน
ด้วยสถานการณ์ที่ไม่น่าพอใจนัก ทำให้การคาดการณ์ถึงการทำกำไรของ Meta ภายในสิ้นปีนี้ อยู่ที่ราว 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ถึง 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และภายในปี 2023 รายได้จะต้องอยู่ที่ 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์ จนถึง 1.01 แสนล้านดอลลาร์
ไม่เพียงแค่ปัจจัยด้านการตัดสินใจพัฒนา Meta ที่ส่งผลต่อกำไรในไตรมาสนี้เท่านั้น ยังพบว่านโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทแอปเปิล ก็มีส่วนในการปิดกั้นรายได้จากบริษัทผ่านการยิงโฆษณาด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่เพียงแต่ Meta เท่านั้น แต่บริษัทอย่าง Alphabet (Google) และ Snap เองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
ที่ผ่านมา Meta ได้พยายามเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานของตนให้มีความคล้ายกับ TikTok มากขึ้น ด้วยการพัฒนาระบบอัลกอลิทึมใน Instagram และ Facebook สำหรับคัดสรรเนื้อหาการรับชม อย่างคลิปวิดีโอสั้น (Reels) เพื่อแข่งขันกับTikTok และตอบสนองต่อพฤติกรรมของ User ที่เปลี่ยนไป จากการรายงานพบว่าผู้ใช้งานรับชม Reels มากขึ้นโดยสามารถทำรายได้สูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การยิงโฆษณาใน Instagram ก็มากกว่าใน Facebook ด้วย
ในปี 2015 Mark Zuckerberg ได้เรียกร้องให้เหล่านักลงทุน ‘อดทน’ ต่อการตัดสินใจของเขาในการลงทุนไปกับ WhatsApp, Instagram และ Messenger ซึ่งก็ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสนใจว่าในครั้งนี้ Mark จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เหล่าผู้ถือหุ้น และจะสามารถเปลี่ยนโลกของเทคโนโลยีอีกครั้งผ่าน Metaverse ได้จริงหรือไม่
References: Morningstar, Inance.yahoo