KEY TAKEAWAYS
- Microsoft Office กับ Google Workspace เป็นคู่แข่งด้านโปรแกรมสำนักงาน แต่การมาถึงของ ChatGPT จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมให้ Microsoft ชนะ ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่นการปรับปรุงการเขียนให้ดีขึ้น การตอบกลับอีเมล การทำ PowerPoint
- Google มี AI ที่คล้าย ChatGPT เช่นกันชื่อ Lamda แต่นักวิเคราะห์มองว่า Google ไม่เปิดตัวเพราะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน คือเน้นไปที่การค้นหาข้อมูลมากกว่า รวมถึงอาจกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย
มีโปรแกรมสำนักงานสองค่ายที่ได้รับความนิยมมากๆ คือ Microsoft Office กับ Google Workspace ซึ่งทั้งคู่ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันจึงทำให้ได้รับความนิยมทั้งคู่ แต่จู่ๆ ตัวเปลี่ยนเกมก็เกิดขึ้น ซึ่งก็คือ ChatGPT ที่ Microsoft กระโดดเข้าไปเป็นนักลงทุนรายใหญ่และเตรียมนำมันมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ คำถามคือมันจะทำให้ Microsoft Office เปลี่ยนแปลงอย่างไร ทรงพลังมากพอที่จะแซงหน้าคู่แข่งและนำขาดได้หรือไม่ มาดูกัน
ย้อนความกันก่อนเล็กน้อย Microsoft Office ซึ่งเป็นโปรแกรมสำนักงานเกิดขึ้นและได้รับความนิยมไปทั่วโลก เชื่อว่าวัยรุ่น Y2K (และแก่กว่านั้น) ส่วนใหญ่ก็เติบโตมาพร้อมกับ Microsoft Office นี่แหล่ะ แต่เมื่อ Google Workspace เกิดขึ้นมาพร้อมกับความสามารถอย่างความเข้าถึงง่าย ใช้งานออนไลน์ หรือสามารถแชร์ไฟล์ที่ทำงานร่วมกันได้ มันก็กลายมาเป็นคู่แข่งของ Microsoft อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ Microsoft ใช้งานในองค์กรเป็นหลัก แต่ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ผู้ใช้งานอายุน้อย ผลิตภัณฑ์ของ Google กลับได้รับความนิยมมากกว่า แต่การมาถึงของ ChatGPT นี่แหล่ะที่จะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ระหว่าง Google Workspace และ Microsoft Office
ทั้งนี้ Microsoft ลงทุนกับ OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทผู้สร้าง ChatGPT ไป 1 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2019 แต่เมื่อเดือนที่แล้วก็มีข่าวออกมาว่ากำลังเจรจาลงทุนเพิ่มกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และแน่นอนว่ากำลังวางแผนนำ AI นี้มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้ผลิตภัณฑ์
ยังไม่ได้เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ของ Microsoft จะเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง แต่เราสามารถคาดการณ์จากความสามารถของ ChatGPT ที่มันค่อยๆ เปิดเผยออกมาได้
ปรับปรุงการเขียน
หนึ่งในสิ่งที่เด่นชัดมากๆ เรื่องความสามารถของ ChatGPT คือเรื่องการเขียน ซึ่งมีข่าวเผยความสามารถออกมาแทบไม่เว้นวัน ดังนั้นนี่จึงน่าจะเป็นส่วนหลักที่ทำให้เกิดข้อได้เปรียบมากๆ
สำหรับคนที่ใช้ Microsoft Word เป็นหลักน่าจะพอเห็นว่าปัจจุบัน Word มี AI ตัวช่วยเรื่องการเขียนบ้างแล้ว อย่างการเติมคำเล็กๆ น้อยๆ อัตโนมัติ เช่นพิมพ์ ‘มกรา’ แล้ว Word ก็จะแนะนำให้กด Enter เพื่อเติมคำว่า ‘คม’ ให้เป็นคำว่า ‘มกราคม’ สมบูรณ์ หรือการแก้ไขคำผิด ไวยกรณ์ผิด เล็กๆ น้อยๆ เป็นต้น
แต่การรวมโมเดลของ ChatGPT ผู้ใช้อาจสามารถใช้คุณลักษณะการเติมข้อความและแก้ไขข้อความอัตโนมัติขั้นสูงได้ การแก้ไขสำนวนการเขียน ความเป็นทางการหรือเป็นกันเองของภาษา ความกระชับ การตัดประโยคฟุ่มเฟือย หรืออาจเขียนบทความยาวๆ จากคีย์เวิร์ดที่ป้อนเข้าไปได้
จัดการอีเมล
การตอบกลับอีเมลมากมายเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวและเสียเวลา ซึ่ง ChatGPT สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะมันมีความสามารถในการเข้าใจภาษาและความหมาย Microsoft เองก็เคยพูดถึงการสร้างโปรแกรมแชทบอทใน Word และ Outlook ว่ามันสามารถเขียนข้อความตอบกลับอีเมลได้
ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าเราอาจจะไม่ต้องตอบอีเมลอีกเลย แต่อาจจะสามารถลดเวลาส่วนนี้ได้ เพราะเราอาจจะไม่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่อเขียนอีเมลทั้งหมด แต่อาจจะใช้เวลาไม่กี่นาทีเพื่อตรวจสอบ แก้ไข ก่อนจะอนุมัติให้กดส่งแค่นั้น
สรุปประชุม
จริงๆ แล้ว Microsoft มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า ‘At a Glance’ อยู่แล้ว ซึ่งเอาไว้ใช้สรุปเนื้อหาใน Word ออกมาเป็น Bullet Point แต่หากรวม ChatGPT เข้ามาจะเป็นอีกขั้นของความก้าวหน้า เพราะมันอาจสามารถสรุปเนื้อหายาวๆ ใน Word ออกมาเฉพาะใจความสำคัญได้ หรืออาจจะสรุปการประชุมจากเสียงพูดคุยระหว่างประชุมออกมาได้เลย
สร้าง Powerpoint
ChatGPT สามารถทำงานร่วมกันได้กับ AI อีกตัวของ OpenAI คือ Dall-E ซึ่งเป็น AI ที่สามารถสร้างรูปจากข้อความได้ ซึ่ง AI ทั้งสองตัวนี้สามารถใช้สร้าง Powerpoint นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ มีข้อมูลออกมาบ้างแล้วว่า Microsoft กำลังหารือให้ผู้ใช้ PowerPoint สามารถใช้ Dall-E สร้างรูปใช้ในงานนำเสนอได้
เทพ Excel
ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้ Excel ได้เก่ง แต่หากใช้ความสามารถของ ChatGPT ก็อาจจะทำให้เราเป็นเทพ Excel ได้ง่ายๆ เช่นสามารถดึงข้อมูลตามคำสั่งได้ง่ายๆ (อาทิ รายชื่อ 5 แรกของโลกตามผลกำไร) สร้างสูตร Excel หรือสร้างแผนภูมิแสดงผลข้อมูลได้ง่ายๆ ซึ่งนั่นจะช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้อย่างมาก
แล้วในเมื่อ Microsoft มี ChatGPT แล้วทางฝั่ง Google มีอะไรที่เป็นไม้เด็ดบ้างหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า Google เองก็มี AI ของตัวเองเหมือนกันชื่อ Lamda ซึ่งมีรูปแบบการทำงานคล้าย ChatGPT แต่นักวิเคราะห์บางส่วนก็มองว่ามันมีเป้าหมายการทำงานที่แตกต่างกัน
Microsoft อาจจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มนุษย์ แต่ Google มุ่งเน้นไปที่การประมวลผลขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการค้นหา อย่าง Google Search และ Youtube
เมย์ ฮาบิบี (May Habibi) ซีอีโอของ Writer AI ก็มองว่าอีกหนึ่งสาเหตุที่ Google ไม่เปิดตัว AI ของตัวเองก็เพราะเรื่องเกี่ยวกับความเสี่ยงของข้อมูล ความปลอดภัย และประเด็นทางกฎหมาย เพราะอย่าง ChatGPT เองก็มีประเด็นเรื่องการสร้างเนื้อหาที่ข้อมูลไม่ถูกต้อง มันสามารถสร้างโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ด้วยการบิดเบือนข้อมูลและไม่ถูกต้องได้
นวัตกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแส AI จาก ChatGPT นี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก มันเปิดมุมมองใหม่ๆ ต่อแนวทางอนาคตของเรา และยิ่งการที่บริษัทเทคโนโลยีเจ้าใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft กระโดดเข้ามาเล่นด้วยแล้ว เชื่อได้เลยว่ามันจะเปลี่ยนแนวทางการทำงานของเราในอนาคตไปอย่างมากทีเดียว
References: Forbes, Venturebeat, Techradar, Fortune