fbpx

สรุปเหตุการณ์ FTX กระดานเทรดคริปโตอันดับ 2 ของโลก ที่ล่มสลายภายในชั่วข้ามคืน

HomeARTICLECRYPTOสรุปเหตุการณ์ FTX กระดานเทรดคริปโตอันดับ 2 ของโลก ที่ล่มสลายภายในชั่วข้ามคืน

ช่องทางการติดตาม

KEY TAKEAWAYS

  • FTX เคยเป็นกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่อันดับ 2-3 ของโลก แต่ปัจจุบันมันเกือบล่มสลายเกือบสมบูรณ์แล้ว
  • เรื่องราวเริ่มจากวันที่ 2 พ.ย. ข้อมูลบัญชีงบดุลของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ของ Alameda Research ซึ่งเป็นกองทุนในเครือของ Sam Bankman-Fried รั่วไหลออกมาผ่านทางสื่อ Coindesk ทำให้เห็นจุดที่น่ากังวลหลายจุด
  • สินทรัพย์ของ Alameda Research ส่วนใหญ่เป็น FTT ซึ่งเป็น Native Token ของ FTX มีสินทรัพย์อีกจำนวนหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ Sam มีเงินสดเพียง 1.1% เท่านั้น
  • หลังจากนั้น Changpeng Zhao ได้ออกมาประกาศว่าจะเทขาย FTT ทั้งหมดที่ได้จากการออกจากการถือหุ้นของ FTX
  • 8 พ.ย. Binance ประกาศเข้าซื้อกิจการ FTX ส่งผลให้เกิดความโกลาหลทั่วตลาด จากนั้นเพียงหนึ่งวันหลังจากตรวจสอบสถานะของ FTX ทาง Binance ก็ออกมาประกาศอีกรอบว่ายกเลิกการเข้าซื้อแล้ว
  • FTX มุ่งหน้าสู่การล่มสลาย ในขณะเดียวกันก็ได้ส่งผลกระทบต่อวงการคริปโตทั้งด้านราคาและมุมมองที่หน่วยงานกำกับดูแลมองต่ออุตสาหกรรมนี้

ในวงการคริปโต หากพูดถึงกระดานเทรดที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ แน่นอนว่าต้องมี FTX เป็นหนึ่งในชื่อนั้นแน่ ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นกระดานเทรดที่มีความน่าเชื่อมาก รวมไปถึงกองทุนซึ่งอยู่ในเครือเดียวกันอย่าง Alameda Research ด้วย ดังนั้นแม้เราทุกคนจะรู้ดีว่าตลาดคริปโตมีความผันผวนมาก แต่เมื่อกระดานเทรดที่ใหญ่ระดับโลกขนาดนี้ถึงคราวล่มสลาย มันก็ยังทำให้คนในวงการอดที่จะช็อกไม่ได้ และมันได้ส่งคลื่นแห่งความโกลาหลไปทั่วอุตสาหกรรม

ที่สำคัญคือเรื่องราวอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่กำลังจะล่มสลายนี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เลยด้วยซ้ำ

เรื่องทั้งหมดเป็นยังไงและเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีอะไรที่เราต้องรู้ ทั้งหมดอยู่ในบทความนี้

ทำความรู้จักกับผู้มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้ CZ แห่ง Binance และ Sam แห่ง FTX

แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปสู่เรื่องราวทั้งหมดเราควรที่จะมาทำความรู้จักกับผู้เล่นยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 รายนี้กันสักหน่อย 

Changpeng Zhao หรือ CZ
Changpeng Zhao หรือ CZ ผู้ก่อตั้งกระดานเทรดคริปโตอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Binance | ภาพจาก Restofworld

ฉางเผิง จ้าว | Changpeng Zhao : หรือที่รู้จักกันในนาม CZ ชาวแคนาดาเชื้อสายจีนผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอันหนึ่งของโลกอย่าง Binance และเป็นกระดานที่มีการซื้อขายคริปโตมากที่สุดในโลก และมีเหรียญสำหรับใช้ใน Exchange ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง Binance Coin (BNB) ที่ระดมทุนแบบ ICO ไปในช่วงวันที่ 14 กรกฎาคม 2017 ด้วยมูลค่าระดมทุนที่ 30 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 5.29 หมื่นล้านดอลลาร์ 

โดยมีกองทุนที่ลงทุนในคริปโตในชื่อ Binance Lab ซึ่งลงทุนในโปรเจกต์คริปโตดังๆ อย่าง Polygon, Harmony, Moonbeam, Terra, และ 1inch เป็นต้น และอื่นๆ อีกมากกว่า 200 โปรเจกต์โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (Asset Under Management: AUM) อยู่ที่ประมาณ 7,500 ล้านดอลลาร์

Sam Bankman-Fried
Sam Bankman-Fried มหาเศรษฐีรุ่นใหม่ผู้ก่อตั้งกระดานเทรดคริปโต FTX ที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 2-3 ของโลก ซึ่งปัจจุบันใกล้จะล่มสลายอย่างสมบูรณ์ | ภาพจาก Businessinsider

แซม แบงค์แมน ฟรายด์ | SAM หรือ Sam Bankman-Fried : มหาเศรษฐีรุ่นใหม่ผู้ก่อตั้ง FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต ซึ่งมี FTX Token (FTT) เป็นโทเค็นที่ใช้บนแพลตฟอร์ม ในวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งความวุ่นวายต่างๆ เพิ่งเริ่มก่อตัว FTT ยังมี Market cap ใหญ่เป็นอันดับ 26 ของอุตสาหกรรมคริปโต และ SAM ยังเป็นเจ้าของกองทุนชื่อดังที่ลงทุนในคริปโตอย่าง Alameda Research ที่ลงทุนในโปรเจกต์คริปโตดังๆ มากมายอย่าง Solana, Aave, 1inch, Hashflow และ Fantom และโปรเจกต์อื่นๆ อีกกว่า 184 โปรเจกต์

CZ ลงทุนใน FTX ตอนไหน Valuation เท่าไหร่

FTX เริ่มก่อตั้งในปี 2019 และไม่นานหลังจากนั้น Binance ก็ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธิ์ด้วยการเข้าถือหุ้น FTX ในรอบระดมทุน 900 ล้านดอลลาร์ ด้วยมูลค่าประเมินที่ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นในปี 2021 CZ ก็ได้ออกมาบอกว่าได้เริ่มขายหุ้น FTX บ้างแล้ว โดย CZ ให้สัมภาณ์ว่า “เราได้เห็นการเติบโตอย่างมากจากพวกเขา เรามีความสุขมากกับสิ่งนั้น แต่เราได้ออกจากการถือหุ้นของ FTX ไปแล้ว ซึ่งมันก็เป็นวัฏจักรของการลงทุนปกติ” แต่… ในตอนนี้เรารู้แล้วว่าเหตุผลไม่ได้มีอยู่แค่นั้น

เกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆ CZ ถึงประกาศเทขาย FTT

เมื่อช่วงวันที่ 6 พฤศจิกายน CZ ได้ออกมาทวีตเพื่อยืนยันว่าเขาจะเทขาย FTT ทั้งหมดที่เขามีโดยทวีตว่า 

“Binance เริ่มออกจากการถือหุ้นของ FTX ในปี 2021 ที่ผ่านมา และได้รับ FTT กับ BUSD เป็นมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ แต่เนื่องจากการเปิดเผยงบล่าสุด (balance sheet) จึงตัดสินใจที่จะเทขาย FTT ทั้งหมด และจะพยายามดำเนินการให้เกิดกระทบต่อตลาดให้น้อยที่สุด โดยคาดว่าจะใช้เวลาสองสามเดือนในการขาย”

ซึ่งหลังจากที่ทวีตเรื่องนี้ก็ทำเอาตลาดทั้งตลาดปั่นป่วนไปตามๆ กัน เพราะ CZ เองได้มีการลงทุนใน FTX ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการก่อตั้ง และหลังจากการขายหุ้น FTX เมื่อปีที่แล้ว CZ ก็ได้ส่วนแบ่งจากขายมาเป็น Stablecoin (BUSD) และโทเค็น FTT รวมเป็นมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ 

โดยถ้าว่ากันตามที่ CZ ทวีต ที่บอกว่าเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงหลังจากถอนทุนก็ดูเป็นเรื่องปกติ แต่ประเด็นที่ต้องคุยกันต่อน่าจะอยู่ตรง สิ่งที่ CZ บอกว่าเป็น “บทเรียนจาก Luna” ซึ่งการล้มสลายครั้งนั้นทุกคนน่าจะทราบกันดีว่ามันจากตัวระบบที่ผิดพลาดและการแห่เทขายของชุมชนที่ทำให้ Luna ล้มในที่สุด และครั้งนี้ CZ เห็นข้อผิดพลาดแรงร้ายอะไรใน FTT และ Alameda Research กันนะ

ข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาทางด้านการเงินของ Alameda Research 

Alameda Research
โลโก้กองทุน Alameda Research

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเริ่มมีนักลงทุนหลายคนออกมาพูดถึงสถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคง ของ Alameda Research ซึ่งเป็นกองทุนของ Sam

เพราะเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา Coindesk ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขงบการเงินไตรมาสที่สองของปี 2022 ของ Alameda Research ว่าถือครองสินทรัพย์ใดอยู่บ้างและมูลค่าเท่าไหร่

โดยจากยอดสินทรัพย์ของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ของ Alameda Research มีสินทรัพย์ทั้งหมดอยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ในจำนวนนี้เป็นเหรียญ FTX (FTT) ไปแล้วกว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์, Solana (SOL) 1.2 พันล้านดอลลาร์, เหรียญอื่นๆ อย่าง SRM, MAPS, OXY และ FIDA อีกราวๆ 3.3 พันล้านดอลลาร์, สินทรัพย์ที่ไม่ระบุ 2.2 พันล้านดอลลาร์และตราสารทุนอีก 2 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงินสดอยู่ที่ 134 ล้านดอลลาร์

Alameda Research's Balance Sheet
สัดส่วนสินทรัพย์ในบัญชีงบดุลไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 ของกองทุน Alameda Research เผยแพร่โดย Coindesk

ส่วนหนี้สินมีประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์ โดย 7.4 พันล้านดอลลาร์เป็นเงินกู้ อีก 292 ล้านดอลลาร์เป็น FTT ที่กู้มา และส่วนที่เหลืออีก 308 ล้านดอลลาร์ไม่มีรายละเอียด

ดูเผินๆ ก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถ้าเราดูจากสัดส่วนสินทรัพย์ทั้งหมดเท่ากับกว่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ Alameda Research นั้นเป็นเหรียญ FTT กว่า 46.5% และเหรียญอื่นๆ ที่แทบจะไม่มี User และ Activity อย่าง SRM, MAPS, OXY และ FIDA ที่สำคัญคือมันเป็นโทเค็นที่มีความเกี่ยวข้องกับแซมเกือบทั้งหมด

ทั้งนี้ แคโรไลน์ เอลลิสัน (Caroline Ellison) CEO ของ Alamela Research ก็ได้ออกมาบอกว่ามีสินทรัพย์อีกกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ยังไม่ได้เปิดเผย แต่… ก็ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด

Caroline Ellison
Caroline Ellison CEO ของกองทุน Alameda Research | ภาพจาก Alameda-research

เอาล่ะ แล้วข้อมูลสินทรัพย์ที่เผยแพร่ออกมานี้มันมีความน่ากังวลตรงไหนกัน

บทความจาก Dirty Bubble Media เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ได้ชี้ให้เห็นถึงความน่ากังวลนี้ว่า ด้วยความที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ Alameda Research เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และมีความเกี่ยวข้องกับ SAM ดังนั้นมันจึงเหมือนกับว่า SAM รู้วิธีการแฮ็กระบบการเงิน คือ การสร้างเหรียญออกมา แล้วนำไปกู้ยืมหรือระดมทุนจากนักลงทุน โดยที่เหรียญนั้นแทบจะไม่มี utility อื่นใด

กลไกคือสร้างเหรียญและปั๊มราคา สร้างกำไรบนงบดุล นำกำไรไปแสดงให้นักลงทุนดู ระดมเงินสดจากการขายหุ้นหรือกู้ยืม จากนั้นก็กลับไปปั๊มราคาอีกรอบ แล้วพยายามรักษาให้วัฏจักรนี้ยังคงดำเนินต่อไป

Celsius (CEL)
กลไกการสร้างมูลค่าโทเค็น Celsius (CEL) โดย Dirty Bubble Media | แหล่งข้อมูล Dirtybubblemedia

การทำสินทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่องออกสู่ตลาด นั้นไม่ใช่ความมั่งคั่งที่แท้จริง ยกตัวอย่างเช่นโทเค็น CEL ของแพลตฟอร์มให้กู้ยืมคริปโตที่ล้มละลายไปก่อนหน้าแล้วอย่าง Celsius Network 

ที่ตัวบริษัทแม้จะถือโทเค็นอยู่เยอะมาก แต่เมื่อมีปัญหาด้านการเงินและต้องการขายเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ ก็ไม่สามารถขายโทเค็นเหล่านั้นทั้งหมดโดยที่ราคาไม่ตกเป็น 0 ได้ นั่นคืออันตรายของการถือครองโทเค็นมากกว่าเกินกว่า 50% ของ supply

ส่วน Altcoin อื่นๆ ที่ Alamada Research ถืออยู่ นอกจาก SOL แล้วก็ดูเหมือนว่า Alamada Research จะถือโทเค็นเหล่านี้มากกว่า Circulation Supply ในตลาดเสียอีก เพราะโทเค็นหลายส่วนยังคงไม่ถูกปลดล็อกนั่นเอง

Serum (SRM) : ซึ่งเป็นโทเค็นที่ใช้สำหรับ Serum DEX ของ SAM บน Solana Blockchain ในวันที่ 4 พ.ย. มี Market cap ที่ 149 ล้านดอลลาร์ และถ้าโทเค็นถูกปลดล็อคทั้งหมด (FDV) จะมี market cap สูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์ (อิงตามราคาวันที่ 4 พ.ย.)

Map.me (MAPS) : เป็นโทเค็นสำหรับแอปพลิเคชั่นแผนที่แบบ Decentralized ที่ Sam เป็นที่ปรึกษาโปรเจกต์และไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก มียอดการซื้อขายประมาณ 3,000 – 350,000 ดอลลาร์ต่อวันเท่านั้น แต่ Alamada Research ก็รวมมันไว้ในงบดุลด้วย และ Alamada Research เองก็ถือ Supply เหรียญที่ยังไม่ถูกปลดล็อค มากกว่าจำนวนเหรียญที่หมุนเวียน (Circulation Supply) อยู่ในตตลาดตอนถึง 10 เท่า

Oxygen (OXY) : มี market cap วันที่ 4 พ.ย. อยู่ที่ 8 ล้านดอลลาร์ โดยมี market cap สูงสุดหลังจากปลดล็อคโทเค็นทั้งหมด(FDV)ที่ 400 ล้านดอลลาร์ มีปริมาณการซื้อขายรายวันอยู่ระหว่าง 800 – 31,000 ดอลลาร์เท่านั้น และ Alamada Research ก็ถือ supply เยอะกว่าที่หมุนเวียนในตลาดหลายเท่า

Bonfida (FIDA) มีการซื้อขาย 280,000 – 4 ล้านดอลลาร์ต่อวัน นี่เป็นเหรียญเดียวที่ Alamada Research ไม่ได้ถือ supply ที่มากกว่าที่มีหมุนเวียนในตลาด แต่ก็ถือส่วนใหญ่ของ Circulation Supply 

แน่นอนว่าถ้า Alamada Research จำเป็นต้องขายสินทรัพย์เหล่านี้เพื่อชำระหนี้ (สมมุติมันเกิดขึ้นจริง) แน่นอนว่าราคาเหรียญเหล่านี้ก็อาจจะดิ่งลงไปใกล้ 0 เพราะไม่มีสภาพคล่องหรือแรงซื้อในตลาด

แล้ว User กับ Activity ของ FTT นั้นน้อยแค่ไหน?

ถ้าเราไปดูข้อมูลจาก etherscan.io ก็จะพบว่า FTT กว่า 85% นั้นถูกถือครองโดยบัญชีจำนวน 10 บัญชี และในวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมามีการทำ Transaction หรือธุรกรรมในหนึ่งวันเพียง 496 ธุรกรรมเท่านั้น ก่อนที่จะขยับขึ้นมาเป็น 4,839 ธุรกรรม หลังจากมีข่าวเกิดขึ้น

แน่นอนว่ากระเป๋าแรกนั้นเป็น กระเป๋าของ FTX และมีผู้ใช้ที่ถือ FTT เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในการใช้งาน Exchange ซึ่งไม่ได้ถูกนับรวมใน etherscan.io

บางคนอาจจะบอกว่าผู้ใช้ FTT น่าจะ Bridge โทเค็น FTT ไปใช้งานบน Solana งั้นเรามาดูที่ฝั่งของ Solana กันบ้าง ซึ่งก็พบว่าในหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ณ ช่วงเวลาที่เขียนนี้มี TX หรือธุรกรรมเกิดขึ้นเพียง 15 TX เท่านั้น

การ Lobbyist ของ SAM ที่ขัดต่อเจตจำนงของ Decentralized หรือ การกระจายอำนาจ

ในทวีตหนึ่งของ CZ ที่บอกว่า “เราไม่ได้ต่อต้านใคร แต่เราจะไม่สนับสนุนคนที่ Lobby กับผู้เล่นคนอื่นๆ ในอุตสาหกรรมแบบลับหลัง” นั้นได้ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดข้อสงสัยว่าจริงๆ แล้ว SAM ที่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งคนที่น่าจะต้องการผลักดันคริปโตมากที่สุดคนหนึ่งของโลกนั้น จะเป็นคนที่ Lobby เพื่อต่อต้าน Decentralized ได้อย่างไร และสิ่งนั้นคืออะไร?

แน่นอนว่าไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าการ lobby ที่ CZ กล่าวถึงหมายถึงอะไร แต่จากการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม บางทีอาจจะเป็นการที่ Sam เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงระเบียบบังคับคริปโต

SAM เคยให้สัมภาษณ์ใน Podcast What’s Your Problem? ว่าเขาจะใช้เงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ในการเมืองอเมริกาในการเลือกตั้งในปี 2024 โดยจากข้อมูลของ opensecrets.org พบว่า ในช่วงปี 2021-2022 SAM ติดอันดับ 6 ของการจัดอันดับผู้บริจาคทางการเมือง โดยจนถึงตอนนี้เขาบริจาคเงินไปแล้วกว่า 39.8 ล้านดอลลาร์

Sam and Politics
Sam ใช้เงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ในการเมืองอเมริกาช่วงเลือกตั้งปี 2024 เพื่อผลักดันร่างกฎหมายอุตสาหกรรมคริปโต แต่คนในวงการคริปโตหลายคนบอกว่ามันเป็นร่างกฎหมายที่จะทำร้ายอุตสาหกรรม DeFi หากร่างกฎหมายผ่าน | ภาพจาก Bloomberg

โดยส่วนใหญ่จะเป็นการ Lobbyist เพื่อทำให้กฎหมายอเมริกาเอื้อต่อคริปโตฯ มากขึ้น แต่ก็มีหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ โดย thedefiant ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า Skeptics Decry Crypto Bill and SBF’s ‘Industry Norms Manual’ as Bad for DeFi ที่พูดถึงการไม่เห็นด้วยกับ ร่างกฎหมายคริปโต และคู่มือบรรทัดฐานสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตของ SAM ที่จะทำร้ายอุตสาหกรรม DeFi ถ้าหากร่างกฎหมายผ่าน

โดยแบบร่างกฎหมายมีข้อกำหนดหลายประเด็น ที่จะบังคับให้ DeFi ต้องทำตัวเหมือน Cex หรือ Exchange แบบรวมศูนย์ เช่น

  • กำหนดให้ทุกการแลกเปลี่ยนแบบ Decentralized Exchange มีอำนาจฉุกเฉินในการ Liquidate (บังคับชำระบัญชี), โยกย้าย Position (การตั้งขาย), ตลอดจนถึงการระงับการซื้อขาย โดยจะเป็นปรึกษาหารือหรือร่วมมือกับหน่วยงานกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ หรือ CFTC (Commodity Futures Trading Commission) 
  • Cex และ Dex ควรที่จะเข้าจัดทำแบบข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับบัญชีที่ถูกแบน/ลงโทษ เพื่อไม่ให้โอนเงินไปยังที่อยู่ของบัญชีนั้นๆ
  • ใบอนุญาตสำหรับหน่วยงานที่สร้าง และดูแลเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงโปรโตคอล DeFi และการทำการตลาด DeFi กับนักลงทุนรายย่อย

แน่นอนว่าข้อเสนอเหล่านี้มีเสียงไม่เห็นด้วยมากมายเกิดขึ้นในชุมชนคริปโต

โดย The Blockchain Alliance หนึ่งในคอมมูที่สำคัญในการผลักดัน Web3 ได้ออกมาทวีตเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

“ร่างกฎหมายนี้ขัดขวางแนวคิดของระบบ Smart Contract ที่ว่า ระบบจะต้องดำเนินการแบบ Decentralized โดยมีการพึ่งพามนุษย์เพียงเล็กน้อย หรือไม่มีเลย”

บัญชีทวิตเตอร์ สก็อต (Scott: @scott_lew_is) ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์คริปโต DeFi Pulse ออกมาทวีตว่า “FTX กำลังใช้จ่ายเงินเพื่อผลักดันกฎหมายผ่านรัฐสภาที่อาจบังคับให้ DeFi Protocol ทำงานเหมือนกับการ Centralized Exchange” และยังแซะเพิ่มเติมอีกว่า “ร่างกฎหมายนี้ชื่อว่า การคุ้มครองผู้บริโภคสินค้าดิจิทัล (The Digital Commodities Consumer Protection Act) แต่จริงๆ มันควรจะชื่อ ร่างกฎหมายคุ้มครองสินทรัพย์ของ FTX มากกว่า (The Digital Commodities FTX Protection Act)”

จุดเริ่มต้นของการเทขายและการรับรู้ของตลาด

ในวันที่ 5 พฤศจิกายน Whale Aleart ได้รายงานว่ามี FTT จำนวน 29,999,999 มูลค่าราว 584 ล้านดอลลาร์ถูกโอนไปยัง Binance ถือเป็น 17.28% ของ Circulation Supply ของ FTT หลังจากนั้น CZ ก็ได้ออกมายอมรับผ่านทวีตว่านั่นเป็นธุรกรรมของเขาเอง และนี่เป็นส่วนหนึ่งในการออกจากการถือหุ้นของ FTX

หลังจากนั้นเพียง 3 วัน ราคาของ FTT ก็ร่วงลงทันทีกว่า 28.8% และ SOL เองก็ร่วงลงไปกว่า 19.2% ด้วยเช่นกัน โดยมูลค่าตลาดหรือ Market Cap ของ FTT นั้นหายไปกว่า 1.13 พันล้านดอลลาร์

ราคา FTT
การเคลื่อนไหวราคาของ FTX Token (FTT) ระหว่างวันที่ 1 – 8 พฤศจิกายน 2022 | แหล่งข้อมูล CoinGecko
ราคา SOL
การเคลื่อนไหวราคาของ Solana (SOL) ระหว่างวันที่ 1 – 8 พฤศจิกายน 2022 | แหล่งข้อมูล CoinGecko

และในขณะเดียวกันนักลงทุนส่วนใหญ่ก็กังวลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะนำไปสู่ความเสี่ยงในการใช้งาน FTX ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ Exchange บางเจ้า ที่นักลงทุนไม่สามารถถอนเงินทุนของตัวเองออกจากกระดานได้  ทำให้นักลงทุนจำนวนมากแห่ถอนเงินออกจาก FTX จนทำให้เหรียญ Stablecoin ใน FTX นั้นลดลงทันทีกว่า 300 ล้านดอลลาร์

ข่าว Binance ประกาศเข้าซื้อกิจการ FTX

ท่ามกลางช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เมื่อดึกวันที่ 8 พฤศจิกายน ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนไปทั้งวงการคริปโตเลยทีเดียว

โดย CZ ออกมาโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่า “เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา FTX ได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากเรา เนื่องจากมีวิกฤตสภาพคล่อง เพื่อปกป้องผู้ใช้งานเราจึงได้เซ็นสัญญา non-binding LOI ตั้งใจที่จะเข้าซื้อกิจการ FTX เพื่อเข้าช่วยวิกฤตสภาพคล่อง เราจะดำเนินการเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้”

หลังจากข้อความดังกล่าวเผยแพร่สู่สาธารณะก็เกิดความโกลาหลขึ้นในตลาดคริปโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเหรียญ FTT และ BNB ซึ่งเป็น Native Token บนแพลตฟอร์มทั้งสอง โดยเหรียญ FTT ราคาพุ่งขึ้นจากราคา 14.60 ดอลลาร์ ไปเป็น 19.24 ดอลลาร์ ส่วน BNB ราคาพุ่งจาก 324.81 ดอลลาร์ไปเป็น 383.94 ดอลลาร์ แต่เพียงไม่นานหลังจากที่ราคาเหรียญทั้งสองดีดตัวขึ้น มันก็ดิ่งลงอีกครั้ง ราคา BNB ดิ่งลงเหลือ 303.44 ดอลลาร์ ในขณะที่ FTT ดิ่งลงไปต่ำสุดที่ 3.12 ดอลลาร์

ราคา (FTX Token) FTT
การเคลื่อนไหวราคาของ FTX Token (FTT) ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจาก Binance ออกมาประกาศว่าจะเข้าซื้อกิจการ FTX | แหล่งข้อมูล CoinGecko
การเคลื่อนไหวราคาของ Binance Coin (BNB) ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจาก Binance ออกมาประกาศว่าจะเข้าซื้อกิจการ FTX | แหล่งข้อมูล CoinGecko

ส่วนเหรียญอื่นๆ ก็แทบจะแดงทั้งตลาด ไม่ว่าจะเหรียญหัวหอกอย่าง Bitcoin ราคาลดลง 12.4% ส่วน Ether ราคาหายไป 18.4% 

ทางด้าน Sam เองก็มีรายงานว่าสินทรัพย์หายไปจาก 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 991 ล้านดอลลาร์ หรือสินทรัพย์ที่หายไปนั้นคิดเป็น 93.8% ภายในวันเดียว

Binance จะได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าซื้อ FTX

แม้ CZ จะออกมาทวีตว่าการเข้าซื้อ FTX เป็นไปเพื่อการปกป้องผู้ใช้งาน แต่หากมองในแง่ธุรกิจ FTX เป็นคู่แข่งของ Binance อยู่แล้ว เมื่อ FTX มีปัญหา Binance ก็สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายล้มละลายได้โดยไม่ต้องสนใจอะไร แต่เหตุผลอะไรที่ทำให้ Binance เลือกซื้อ FTX แทนที่จะปล่อยให้ล้มละลาย

The Block มองว่า หาก FTX ล้มละลาย ลูกค้าระดับสถาบันอาจย้ายไปใช้บริการ Binance หรือแพลตฟอร์มอื่นก็ได้ ดังนั้นหาก Binance ซื้อ FTX ก็จะได้ลูกค้าสถาบันนี้

อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจสนับสนุนให้ Binance คือการผสมเทคโนโลยีและการเข้าถึงทีมวิศวกรของ FTX นอกจากนี้คือด้วยความที่ FTX เป็นกระดานเทรดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 – 3 ตามปริมาณการซื้อขาย ทำให้ Binance สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้ถึง 80%

Binance ยกเลิกการเข้าซื้อกิจการของ FTX 

สถานการณ์ต่างๆ ยังโกลาหล ตลาดคริปโตยังไม่ฟื้นตัว ช่วงดึกวันที่ 9 พฤศจิกายนก็มีรายงานออกมาว่า Binance อาจยกเลิกดีลการเข้าซื้อกิจการ FTX หลังจากตรวจสอบบัญชีการเงินและไม่เป็นที่น่าพอใจ

จนกระทั่งเช้าวันที่ 10 พฤศจิกายน บัญชีทวิตเตอร์ทางการของ Binance ก็ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่ายกเลิกการเข้าซื้อกิจการ FTX แล้วจริงๆ

“จากการตรวจสอบสถานะขององค์กร และรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนลูกค้าผิดพลาด ตลอดจนการสืบสวนจากหน่วยงานสอบสวนของสหรัฐฯ ทำให้เราตัดสินใจว่าจะไม่เข้าซื้อกิจการ FTX.com”

และยังบอกเพิ่มเติมว่า ในตอนต้นความหวังของ Binance คือการช่วยเหลือลูกค้าของ FTX ด้านสภาพคล่อง แต่ปัญหาอยู่นอกเหนือการควบคุมและความสามารถของ Binance

หลังจากนั้นราคา FTT ก็ดิ่งลงไปถึง 2.05 ดอลลาร์ จากวันที่ 8 พฤศจิกายนซึ่งเหตุการณ์ยังไม่บานปลาย ในตอนนั้น FTT หนึ่งโทเค็นมีมูลค่าอยู่ที่ 22.05 ดอลลาร์ นับว่ามูลค่าหายไปกว่า 90.7% เลยทีเดียว

การล่มสลายของ FTX ส่งผลกระทบต่อมุมมองของอุตสาหกรรมคริปโต

การล่มสลายของอาณาจักร FTX นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ Sam คนเดียวเท่านั้น แต่มันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศคริปโตในวงกว้างด้วย เพราะทั้ง Binance และ FTX ก็ต่างเป็นกระดานเทรดคริปโตยักษ์ใหญ่ของโลกทั้งคู่

สิ่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ก็คือมุมมองด้านคริปโตจากเหล่าผู้กำหนดนโยบายคริปโตของแต่ละประเทศ นอกจากจะสะท้อนเรื่องความเสี่ยงของคริปโตแล้ว มันยังสืบเนื่องมาจากเรื่องที่ Sam เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงระเบียบบังคับคริปโตด้วย

ทางด้าน CEO ของเว็บไซต์คริปโตอย่าง Messari ไรอัน เซลคิส (Ryan Selkis) ก็ได้ออกมาบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้ผู้กำหนดนโยบายมองคริปโตในด้านแย่ หรือไม่ก็ทำให้ต้องรีบออกมากำหนดนโยบายเพื่อปกป้องนักลงทุน Selkis ยังเรียกร้องให้ผู้นำบริษัทคริปโตคนอื่นๆ ออกมาแสดงความเป็นผู้นำเพื่อผลักดันเกี่ยวกับนโยบายคริปโตด้วย

แพทริก แม็คเฮนรี่ (Patrick McHenry) ตัวแทนพรรครีพับลิกันเองก็ได้ออกมาเรียกร้องกฎหมายคริปโตมากขึ้น “เหตุการณ์ล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่สภาคองเกรสต้องกำหนดกรอบการทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าชาวอเมริกันได้รับการปกป้องเพียงพอ ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้นวัตกรรมนี้เติบโตต่อไปได้ในสหรัฐอเมริกา ผมหวังว่าจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมจาก FTX และ Binance”

เจเรมี่ อัลแลร์ (Jeremy Allaire) ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Circle บริษัทที่ออกเหรียญ Stablecoin ยักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง USDC ได้ออกมาแชร์มุมมองเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า “ในฐานะที่อยู่ในวงการนี้มากว่า 10 ปี มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังที่เทคโนโลยีที่กำลังเริ่มนี้จะกลายเป็นเหมือนเหตุการณ์ Lehman Brothers” 

ซึ่งการล่มสลายของ Lehman Brothers ได้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤตการเงินปี 2008

Allaire ยังบอกอีกว่าตลาดกระทิงที่ผ่านมา ตลาดคริปโตถือเป็นการเก็งกำไรอย่างสิ้นเชิง และโปรโตคอลต่างๆ ก็แทบไม่มีประโยชน์ ตลาดหมีที่ดำเนินในปัจจุบันนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงลึกของอุตสาหกรรมคริปโตได้อย่างดี เขายังเรียกร้องให้ทั้งอุตสาหกรรมเปลี่ยนจากการเก็งกำไรเหรียญไปสู่สิ่งที่เขาเรียกว่า “ระยะคุณค่า (the utility value phase)” ซึ่งขึ้นอยู่กับความโปร่งใสที่ดีขึ้น และเขาเชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานและบล็อกเชนสาธารณะจะทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้

ปัจจุบัน FTX อยู่ในสภาพที่เรียกว่าเกือบจะล่มสลายอย่างสมบูรณ์แล้ว และตลาดคริปโตก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก เป็นเช่นที่ Binance ได้บอกเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ยกเลิกดีลเข้าซื้อ FTX ว่า “ทุกครั้งที่ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมของเราล้มเหลว ผู้บริโภครายย่อยจะได้รับผลกระทบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เราได้เห็นว่าระบบนิเวศคริปโตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเราเชื่อว่ามันจะดีขึ้นเมื่อกรอบการกำกับดูแลได้รับการพัฒนา ในขณะที่อุตสาหกรรมก้าวไปข้างหน้าสู่การเป็น decentralized ระบบนิเวศก็จะค่อยๆ แข็งแกร่งมากขึ้น”

References: Theblock(1), Theblock(2), Theblock(3), Theblock(4), CNBC, Dirtybubblemedia, Coindesk, Twitter(1), Twitter(2)


Credits
Content Creator :
ประเสริฐ หงษ์สุวรรณ, กนกศักดิ์ เรือนทอง, สายรุ้ง สุขเอี่ยม
Graphic Designer : ศุภัชฌา ใช้สติ, ทัตพงศ์ มังคละกุล
Admin : ณิชากร วิทยาวิวัฒน์สกุล
Editor : ประเสริฐ หงษ์สุวรรณ 
Enter to Start Team
Enter to Start Teamhttps://entertostart.co
ทีมคนสร้างสื่อที่ตั้งใจจะสร้างพื้นที่แห่งการแบ่งปันข้อมูลในโลกธุรกิจ การลงทุน และคริปโต เพื่อนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ ผ่านคอนเทนต์ที่ย่อยง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก

เรื่องยอดนิยมวันนี้

เรื่องยอดนิยม 7 วัน

เรื่องยอดนิยมวันนี้ | POPPULAR TODAY

เรื่องยอดนิยม 7 วัน | POPPULAR IN 7 DAYS

Mocaverse โปรเจกต์ Web3 จาก Animoca Brands ระดมทุนรอบสอง 11.88 ล้านดอลลาร์

Animoca Brands บริษัทผู้พัฒนาสิทธิในทรัพย์สินดิจิทัลสำหรับการเล่นเกมและเมตาเวิร์สแบบเปิด ประกาศเสร็จสิ้นการระดมทุนรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยระดมทุนได้เพิ่มอีก 11,888,888 ดอลลาร์ ทำให้ Animoca Brands สามารถระดมทุนได้ทั้งหมด 31.88 ล้านดอลลาร์ จากการระดมทุน 2 รอบ มีนักลงทุนมากมายที่สนใจร่วมลงทุนในครั้งนี้ เช่น Block1, OKX Ventures,...

เชิญพบกับ Ordz Games โปรเจกต์ GameFi แรกบน Ordinals ของ Bitcoin ที่ทำให้เราเป็นเจ้าของเกมได้ 100%

Ordz Games คืออะไร Ordz Games เป็นโปรเจกต์ GameFi บน Ordinals เป็นโปรเจกต์ GameFi แรกบน Ordinals ของ Bitcoin เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มีนาคม มีเกมอาร์เคดย้อนยุคจำนวนมาก มีทั้งเกมแบบ Free-to-Play (F2P) และ Play-to-Earn (P2E)...

กรรมการผู้จัดการ Kraken UK เชื่อ อังกฤษควรมี Bitcoin ETF

Bivu Das กรรมการผู้จัดการของ Kraken ในอังกฤษเปิดเผยว่า ต้องการให้มี bitcoin ETF ในอังกฤษอย่างแน่นอน Das ให้สัมภาษณ์ที่งาน Digital Asset Summit ในกรุงลอนดอนว่า โลกเปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่ bitcoin ETF ถูกสั่งห้ามในอังกฤษเมื่อปี 2021 และความกังวลใด ๆ ที่หน่วยงานกำกับดูแลมีต่อการปกป้องนักลงทุนรายย่อย ก็มีเพียงเล็กน้อยถ้าหากว่านักลงทุนไม่ได้ถือสินทรัพย์ไว้เอง Das เสริมว่า...

The Block เผย ยอดระดมทุนโปรเจกต์คริปโตตลอด 7 ปี ทะลุ 9 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว

The Block Research เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีการระดมทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโตแล้วกว่า 50 ครั้ง ทำให้ยอดระดมทุนในโปรเจกต์คริปโตตั้งแต่ปี 2017 มียอดรวมกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว ส่วนในปี 2024 มีการระดมทุนไปกว่า 230 ครั้ง เป็นมูลค่าเกือบ 1.3 พันล้านดอลลาร์ John Dantoni ผู้อำนวยการของ The Block...

รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์แฮ็ก Bitmart จนเสียหายกว่า 200 ล้านดอลลาร์

FTC ได้เริ่มเข้ามาสอบสวนกระดานซื้อขายคริปโต Bitmart เกี่ยวกับการแฮ็กเมื่อเดือนธันวาคม 2021 จนทำให้ผู้ใช้งานเสียหายกว่า 200 ล้านดอลลาร์

ท่าจะแย่! ทวิตเตอร์มูลค่าร่วงกว่า 50% หลัง Elon Musk เข้าซื้อกิจการ

สื่อต่างประเทศรายงานว่า มูลค่าของ X หรือชื่อเดิมว่าทวิตเตอร์ มีมูลค่าลดลงกว่าครึ่งหนึ่งจากที่ Elon Musk เข้าซื้อเมื่อปีก่อน

ทำความรู้จัก Notcoin (NOT) เหรียญบน Telegram ที่จิ้มแล้วได้เงิน

Notcoin (NOT) เริ่มจากเกมบน Telegram ที่สร้างโดย Open Builder ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วไปรู้จักกับโลก Web3 ผ่านกลไกการขุดเหรียญแบบ tap-to-earn (จิ้มหน้าจอแล้วได้เงิน) ด้วยวิธีการเล่นและได้เงินที่ง่ายแสนง่าย ทำให้มียอดผู้เล่นกว่า 35 ล้านราย และยอด active user 6 ล้านราย ต่อวัน ตัวเลขดังกล่าวทำให้ Notcoin จัดเป็นหนึ่งในเกมคริปโตที่เป็นที่นิยมมากที่สุด...

Arkham Intelligence เผยมีผู้ได้รับ airdrop Ethena มูลค่าเกือบ 2 ล้านดอลลาร์

พบผู้โชคดีได้รับ airdrop จาก Ethena Labs มูลค่าเกือบ 2 ล้านดอลลาร์ จากการแจก Ethena (ENA) เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา Arkham Intelligence ระบุว่า ผู้โชคดีดังกล่าวเป็นเจ้าของกระเป๋า 0xb56 ได้รับ 3.3 ล้าน Ethena คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.96...

Dogecoin เป็นของ Elon Musk? เปิดประวัติผู้สร้าง Dogecoin ตัวจริง

Dogecoin สุดยอดเหรียญมีมที่ทุกคนในโลกคริปโตต่างรู้จัก และน่าจะเป็นเหรียญมีมที่โด่งดังที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้สนใจในคริปโต Dogecoin เคยช่วยพลิกสถานะทางการเงินของหลายคน ทำให้หลายคนร่ำรวยขึ้นมา เพียงแต่ผู้ที่สร้างเหรียญนี้กลับไม่ได้รับอะไรเช่นนั้นเลย เพราะอะไร เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เรามาหาคำตอบกัน

Wormhole เผยรายละเอียด Tokenomic กลุ่มไหนได้เท่าไหร่ดูได้ที่โพสต์นี้

Web3 มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมอินเทอร์เน็ตที่โปร่งใส trustless เปิดกว้าง และปลอดภัย วิสัยทัศน์นี้พึ่งพา ecosystem ที่ปลอดภัยและเชื่อมต่อกันอย่างราบรื่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ Web3 ecosystem ต้องการโปรโตคอลการส่งข้อความพื้นฐานที่ปลอดภัย decentralized ลดการ trust ลงให้น้อยที่สุด และเป็นโอเพ่นซอร์ส เมื่อ 3 ปีที่แล้ว Wormhole (@wormholecrypto) เปิดตัวโปรโตคอลการส่งข้อความทั่วไปตัวแรกที่เชื่อมต่อกับ Ethereum...

Richard Teng เผยเส้นทางจากการกำกับดูแลสายการเงินสู่ซีอีโอ Binance

เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณ Richard Teng ซีอีโอของ Binance ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวการเดินทางจากสายการเงินแบบดั้งเดิมสู่โลก Web3 ใน Ask Me Anything โดย CoinMarketCap คุณ Richard ระบุว่า ตัวเค้ามาจากสายการเงินแบบดั้งเดิมและทำหน้าที่ในหน่วยงานกำกับดูแลเป็นส่วนใหญ่ แต่จุดเปลี่ยนก็มาถึงในปี 2017 ที่เค้าเดินทางไปสัมมนาในสหรัฐและได้เจอกับคนในวงการคริปโตมากมาย ซึ่งนั่นสร้างความสนใจให้กับเขา เพราะในมุมมองของคุณ Richard นั้น...

คึกคักสุด ๆ! ปริมาณซื้อขาย Spot Bitcoin ETF วันแรก พุ่งทะลุ 4.5 พันล้านดอลลาร์

Cointelegraph รายงานว่า ปริมาณการซื้อขาย Spot Bitcoin ETF ในวันแรกพุ่งทะลุ 4.5 พันล้านดอลลาร์ โดย ETF ของ BlackRock, Grayscale และ Fidelity มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด ขณะเดียวกัน ETF ของ Hashdex ยังไม่สามารถซื้อขายได้เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐยังไม่ได้อนุมัติแบบฟอร์ม...

บทความที่เกี่ยวข้อง | RELATED ARTICLE

Richard Teng เผยเส้นทางจากการกำกับดูแลสายการเงินสู่ซีอีโอ Binance

เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณ Richard Teng ซีอีโอของ Binance ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวการเดินทางจากสายการเงินแบบดั้งเดิมสู่โลก Web3 ใน Ask Me Anything โดย CoinMarketCap คุณ Richard ระบุว่า ตัวเค้ามาจากสายการเงินแบบดั้งเดิมและทำหน้าที่ในหน่วยงานกำกับดูแลเป็นส่วนใหญ่ แต่จุดเปลี่ยนก็มาถึงในปี 2017 ที่เค้าเดินทางไปสัมมนาในสหรัฐและได้เจอกับคนในวงการคริปโตมากมาย ซึ่งนั่นสร้างความสนใจให้กับเขา เพราะในมุมมองของคุณ Richard นั้น...

Sam Bankman-Fried มหาเศรษฐีคริปโตแสนล้าน บุรุษผู้ก่อตั้ง FTX

ย้อนประวัติชายหนุ่มผู้ก่อตั้งกระดานเทรด FTX และกองทุน Alameda Research มหาเศรษฐีระดับแสนล้านก่อนอายุแตะเลข 3

CEO คนใหม่ของ Binance Richard Teng เป็นใครมาจากไหน

คุณ Richard Teng เกิดที่สิงคโปร์ในปี 1971 โดยจบปริญญาตรีคณะบัญชีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (NTU) ในสิงคโปร์และปริญญาโท 2 ใบ ในสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชิคาโก และสาขาการเงินประยุกต์จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย คุณ Teng เริ่มทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ในปี 1994 และอยู่ในตำแหน่งประมาณ 13 ปี ก่อนจะเข้าทำงานกับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแล ในปี 2007 ในตำแหน่งดังกล่าว คุณ...

เทียบกันให้ชัด CEXs vs DEXs รวมศูนย์กับกระจายศูนย์ต่างกันยังไง

เปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่างกระดานซื้อขายแบบ Centralized และ กระดานซื้อขายแบบ Decentralized

กลไกการ เพิ่ม-ลด ของ 9 เหรียญดังที่นักลงทุนทุกคนต้องรู้

ทำความรู้จักกับกลไกการเพิ่มลดของ 9 เหรียญดัง เช่น BTC, ETH, BNB, DOGE เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

เทียบกันให้ชัด CEXs vs DEXs รวมศูนย์กับกระจายศูนย์ต่างกันยังไง

เปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่างกระดานซื้อขายแบบ Centralized และ กระดานซื้อขายแบบ Decentralized

CEO คนใหม่ของ Binance Richard Teng เป็นใครมาจากไหน

คุณ Richard Teng เกิดที่สิงคโปร์ในปี 1971 โดยจบปริญญาตรีคณะบัญชีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (NTU) ในสิงคโปร์และปริญญาโท 2 ใบ ในสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชิคาโก และสาขาการเงินประยุกต์จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย คุณ Teng เริ่มทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ในปี 1994 และอยู่ในตำแหน่งประมาณ 13 ปี ก่อนจะเข้าทำงานกับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแล ในปี 2007 ในตำแหน่งดังกล่าว คุณ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง | RELATED NEWS

Binance เปิดตัว Notcoin (NOT) โปรเจกต์ที่ 54 บน Binance Launchpool เริ่ม Staking BNB และ FDUSD ได้ 13 พ.ค. นี้

Binance ประกาศเปิดตัวโปรเจกต์ที่ 54 บน Binance Launchpool คือ Notcoin (NOT) ซึ่งเป็น community token ที่พาผู้ใช้งานเข้าสู่ web3 ผ่านกลไกการขุดแบบ  tap-to-earn โดยหน้าเว็บจะเปิดใช้งานในวันที่ 12 พฤษภาคม 2024 เวลา 07.00 น. ตามเวลาไทย...

Binance เปิดตัว Renzo (EZ) โปรเจกต์ที่ 53 บน Binance Launchpool เริ่ม Staking BNB และ FDUSD ได้ 24 เม.ย.นี้

Binance ประกาศเปิดตัวโปรเจกต์ที่ 53 บน Binance Launchpool คือ Renzo (EZ) ซึ่งเป็น liquid restaking protocol โดยหน้าเว็บจะเปิดใช้งานในวันที่ 24 เมษายน 2024 เวลา 02.00 น. ตามเวลาไทย ซึ่งผู้ใช้จะสามารถ stake BNB...

Binance เปิดตัว Megadrop แพลตฟอร์มออกโทเค็นตัวใหม่ มาพร้อม Airdrop และ Web3 Quest

Binance กำลังเปิดตัว Binance Megadrop ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออกโทเค็นตัวใหม่ที่จะมีระบบ airdrop และ Web3 Quest ที่ผู้ใช้งานสามารถสมัคร BNB Locked Product และ/หรือทำภารกิจใน Web3 Wallet ของตัวเอง เพื่อรับรางวัลก่อนที่โทเค็นของโปรเจกต์ Web3 ที่ได้รับเลือกจะถูกลิสต์บน Binance Exchange และโปรเจกต์แรกบน Binance Megadrop...

Binance เปิดตัว Notcoin (NOT) โปรเจกต์ที่ 54 บน Binance Launchpool เริ่ม Staking BNB และ FDUSD ได้ 13 พ.ค. นี้

Binance ประกาศเปิดตัวโปรเจกต์ที่ 54 บน Binance Launchpool คือ Notcoin (NOT) ซึ่งเป็น community token ที่พาผู้ใช้งานเข้าสู่ web3 ผ่านกลไกการขุดแบบ  tap-to-earn โดยหน้าเว็บจะเปิดใช้งานในวันที่ 12 พฤษภาคม 2024 เวลา 07.00 น. ตามเวลาไทย...

Binance เปิดตัว Renzo (EZ) โปรเจกต์ที่ 53 บน Binance Launchpool เริ่ม Staking BNB และ FDUSD ได้ 24 เม.ย.นี้

Binance ประกาศเปิดตัวโปรเจกต์ที่ 53 บน Binance Launchpool คือ Renzo (EZ) ซึ่งเป็น liquid restaking protocol โดยหน้าเว็บจะเปิดใช้งานในวันที่ 24 เมษายน 2024 เวลา 02.00 น. ตามเวลาไทย ซึ่งผู้ใช้จะสามารถ stake BNB...

Binance เปิดตัว Megadrop แพลตฟอร์มออกโทเค็นตัวใหม่ มาพร้อม Airdrop และ Web3 Quest

Binance กำลังเปิดตัว Binance Megadrop ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออกโทเค็นตัวใหม่ที่จะมีระบบ airdrop และ Web3 Quest ที่ผู้ใช้งานสามารถสมัคร BNB Locked Product และ/หรือทำภารกิจใน Web3 Wallet ของตัวเอง เพื่อรับรางวัลก่อนที่โทเค็นของโปรเจกต์ Web3 ที่ได้รับเลือกจะถูกลิสต์บน Binance Exchange และโปรเจกต์แรกบน Binance Megadrop...

Binance เปิดตัว Omni Network (OMNI) โปรเจกต์ที่ 52 บน Binance Launchpool เริ่ม Staking BNB และ FDUSD ได้ 13 เม.ย.นี้

Binance ประกาศเปิดตัวโปรเจกต์ที่ 52 บน Binance Launchpool คือ Omni Network (OMNI) ซึ่งเป็นบล็อกเชน Layer 1 (L1) ที่ออกแบบมาเพื่อรวม rollup ecosystem ของ Ethereum เข้าเป็นระบบเดี่ยวที่ครบวงจร โดยคาดว่าหน้าเว็บจะเปิดใช้งานในวันที่ 13 เมษายน 2024...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    Cookies Details

Save Settings