KEY TAKEAWAYS
- ระบบการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ กำลังจะบล็อกการเข้าถึง ChatGPT บนอุปกรณ์ต่างๆ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ให้เหตุผลว่ามีผลกระทบด้านลบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน รวมถึงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความถูกต้องของเนื้อหา
- นักเรียนและบุคลากรยังคงสามารถเชื่อมต่อ ChatGPT ได้ในอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของระบบโรงเรียน รวมถึงคนที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีเบื้องหลังแชทบอตก็สามารถส่งคำขอเข้าไปศึกษาได้
- การตัดสินใจจากระบบการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ อาจจะส่งผลให้ที่อื่นๆ ทำตามด้วย
- นักวิชาการหลายคนไม่เห็นด้วย โดยชี้ว่าความกังวลเช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วสมัย Google เกิดขึ้นใหม่
กระทรวงศึกษาแห่งนิวยอร์ก (The New York City Department of Education: NYCDOE) ซึ่งถือเป็นระบบการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ กำลังจะบล็อกการเข้าถึง ChatGPT บนอุปกรณ์ต่างๆ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ให้เหตุผลว่ามีผลกระทบด้านลบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน รวมถึงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความถูกต้องของเนื้อหา
เจนน่า ไลล์ (Jenna Lyle) ตัวแทน NYCDOE กล่าวกับสื่อว่า “แม้เครื่องมือนี้อาจสามารถตอบคำถามได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่ก็ไม่ได้สร้างทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา ซึ่งจำเป็นต่อความสำเร็จทางวิชาการและความสำเร็จตลอดชีวิต”
แต่นี่ไม่ใช่การปิดกั้นทั้งหมด นักเรียนและบุคลากรยังคงสามารถเชื่อมต่อ ChatGPT ได้ในอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของระบบโรงเรียน รวมถึงคนที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีเบื้องหลังแชทบอตก็สามารถส่งคำขอเข้าไปศึกษาได้
ChatGPT เป็นแชทบอทที่สร้างขึ้นโดย OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟต์ มันสามารถโต้ตอบและเขียนบทความเชิงวิชาการที่น่าเชื่อถือ และยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้ โดยดึงข้อมูลมาจากโลกออนไลน์
ทั้งนี้ NYCDOE เป็นที่แรกที่มีการแบน ChatGPT แต่เนื่องจากมันเป็นระบบการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ก็อาจจะส่งผลให้ที่อื่นๆ ทำตามด้วยเช่นกัน
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างดัสติน ยอร์ก (Dustin York) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านการสื่อสารของมหาวิทยาลัย Maryville ก็เคยออกมาบอกว่า “นักวิชาการเคยคิดว่า Google, Wikipedia หรือแม้กระทั่งอินเทอร์เน็ตจะทำลายการศึกษา แต่ว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น สิ่งที่ผมกังวลที่สุดคือการที่นักวิชาการพยายามกีดกันการเข้าถึง AI ต่างหาก นี่เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่วายร้าย”
รวมไปถึง อดัม สตีเว่น (Adam Stevens) ครูสอนประวัติศาสตร์ในนิวยอร์กก็บอกว่าความกังวลแบบนี้เคยเกิดตอนมี Google เมื่อ 15 – 20 ปีก่อน และยังเสนอว่าสิ่งที่ควรปรับปรุงคือเลิกสอนนักเรียนเขียนบทความตามกฎเกณฑ์ แต่ให้มอบหมายงานที่จะให้นักเรียนค้นคว้าสิ่งที่คุ้มค่าต่อการเรียนรู้ต่างหาก